เนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะมีโปรตีนสูง อีกทั้งยังสามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย แต่ก็มีความเชื่อบางอย่างที่ค่อนข้างแพร่หลายคือ การกินไก่เยอะๆ จะทำให้ปวดแขน ปวดขา และเพิ่มโอกาสการเกิดโรคเก๊าต์อีกด้วย วันนี้ I-kinn จึงมีคำตอบมาให้ค่ะ
โรคเก๊าต์ คืออะไร?
โรคเก๊าต์เป็นอาการของกลุ่มโรคกลุ่มหนึ่งที่เกิดจากภาวะกรดยูริกเกินจนเกิดการสะสม และเกิดอาการเจ็บปวด บางรายอาจจะมีอาการบวมและอักเสบ ซึ่งกรดยูริกนั้นร่างกายจะสามารถผลิตกรดยูริกได้เอง แต่ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคเก๊าต์แล้วเกิดอาการเก๊าต์กำเริบนั้นมักจะเกิดจากกรดยูริกเกินที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น การรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูงและการทานอาหารที่มีกรดยูริกเยอะ เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อห่าน ปลาดุก กุ้ง หอย ปลาอินทรี ปลาไส้ตัน เครื่องในสัตว์ อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตส บางรายอาจเกิดจากโรค เช่น โรคมะเร็ง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) โรคสะเก็ดเงิน โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต หรือเกิดจากการใช้ยาบางชนิด ซึ่งการรักษาโรคเก๊าต์นั้นส่วนใหญ่จะเป็นการควบคุมหรือลดกรดยูริกในเลือดของผู้ป่วยให้ต่ำลง ด้วยการจ่ายยาเพื่อลดกรดยูริกในร่างกายให้ขับออกมาส่งผลให้อาการปวดลดลง
กินไก่เยอะ ทำให้เป็นโรคเก๊าต์ กินแล้วปวดขา ปวดเข่าจริงมั้ย?
เนื้อไก่เป็นเนื้อที่ถือว่ามีปริมาณกรดยูริกสูง ซึ่งในกรณีที่เป็นผู้ป่วยโรคเก๊าต์เมื่อทานได้เข้าไปจะทำให้กรดยูริกเกินและเกิดการอักเสบได้ แต่ในกรณีของคนที่ไม่เคยเป็นเก๊าต์ การกินเนื้อไก่เยอะๆ ไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเก๊าต์แต่อย่างใดค่ะ
การป้องกันโรคเก๊าต์
สำหรับวิธีการป้องกันโรคเก๊าต์นั้นทางการแพทย์จะยังไม่มีการป้องกันที่ชัดเจน แต่ที่สามารถทำได้คือควรลดปริมาณหรือควบคุมปริมาณของกรดยูริกไม่ให้เยอะเกินไป ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีกรดยูริกสูง เช่น
- เลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เนื้อสัตว์ปีก เครื่องใน เนื้อวัว ปลาดุก กุ้ง หอย ปลาอินทรี ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีน ไข่ปลา ชะอม กระถิน เห็ด หน่อไม้ หน่อไม้ฝรั่ง ดอกกะหล่ำ ผักโขม สะตอ ใบขี้เหล็ก ฯลฯ
- เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีฟรุกโตสสูง และมีแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดภาวะของโรคอ้วน น้ำหนักเกิน
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ
- ปรึกษาแพทย์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
โรคเก๊าท์ คืออะไร? ทำไมห้ามกินไก่ ยอดผัก ของแสลง