โรคความดันโลหิตสูง(HYPERTENSION)เป็นสภาวะผิดปกติที่บุคคลมีระดับความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าระดับปกติของคนทั่วไปซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวต่อร่างกาย โดยอาการความดันโลหิตสูงถือว่าเป็นสภาวะที่ต้องควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอมิฉะนั้นแล้วจะทำให้เกิดโรคร้ายตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะหัวใจวายโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูงคือเป็นโรคที่มักไม่มีอาการ และจะเป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรงถ้าไม่สามารถควบคุมโรคได้
สัญญาณเตือนภัย อาการความดันโลหิตสูง เช็กได้ที่นี่!
อย่างที่กล่าวข้างต้นผู้ป่วยความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการแต่อย่างใด โดยมากกว่า 90% เป็นความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ (Essential Hypertension) มักพบได้ในรายที่มีประวัติครอบครัวเป็นความดันโลหิตสูง หรืออาจจะเกิดได้ในผู้ป่วยที่มีโรคอยู่แล้ว โดยวิธีสังเกตหลัก ๆ เบื้องต้นของอาการความดันโลหิตสูงจะมี 2 วิธีด้วยกัน ดังนี้
1. อาการเบื้องต้น
อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้ง่าย ๆ จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อย ๆ นั้นจะเป็นอาการปวดมึนท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ เวียนศีรษะคล้ายจะอาเจียน ปวดศีรษะมึนงง บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะตุบ ๆ เหมือนไมเกรน ในผู้ป่วยที่เป็นมานาน อาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น และอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย
2. การวัดความดันโลหิต
การวัดความดันโลหิตหรือเรียกง่าย ๆ ว่าการวัดความดัน เป็นค่าความดันของกระแสเลือดที่ส่งแรงกระทบกับผนังหลอดเลือดแดง โดยเกิดขึ้นจากการกระบวนการสูบฉีดเลือดของหัวใจ โดยสามารถวัดความดันโลหิตได้ 2 ค่า คือ ค่าความดันช่วงบนจากการบีบตัวของหัวใจ และค่าความดันช่วงล่างจากการคลายตัวของหัวใจ
โดยปกติแล้วหากวัดค่าความดันโลหิตคนปกติจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งวัดจากการบีบตัวและคลายตัวของหัวใจ (ความดันช่วงบนและช่วงล่าง) แต่หากวัดแล้วได้ค่าตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปถือว่ามีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูง โดยหากต้องการความแน่นอนมากขึ้นควรวัดเพิ่มอีกหลังได้ค่าความดันโลหิตสูงอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งตัวเลขทั้งสองค่าจะรายงานเป็นมิลลิเมตรปรอท (mm/Hg) โดยระดับความดันทั้ง 2 ค่า ยิ่งสูงมากก็ยิ่งจะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้มากขึ้นตามลำดับ
ปัจจัยเสี่ยงเลี่ยงให้ไกล พฤติกรรมก่อเกิดอาการความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงอาจจะไม่มีสาเหตระบุอย่างชัดเจน แต่จะมีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงโดยที่เราไม่รู้ตัวได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มแอลกอฮอล์หรือของมึนเมาต่าง ๆ ซึ่งแอลกอฮอล์สามารถทำลายหัวใจได้เมื่อสะสมเป็นระยะเวลานาน หรือจะเป็นการสูบบุหรี่
โดยการสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่เพิ่มความดันโลหิตชั่วคราวในทันที แต่สารเคมีที่พบในยาสูบสามารถทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดเสียหายได้ ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงตีบ แคบและมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคหัวใจ ควันบุหรี่มือสองจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้อาหารการกินก็ยังมีผล เช่น อาหารที่มีเกลือสูงอาจส่งผลให้เกิดการคั่งของของเหลวและทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง หรืออาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำจะทำให้ร่างกายเก็บโซเดียมไว้ในเลือดมากเกินไป ส่งผลต่อความสมดุลของปริมาณโซเดียมในร่างกาย
สุดท้ายนี้เป็นปัจจัยที่ไม่อาจเลี่ยงได้ คือ อายุ ยิ่งอายุมากขึ้นความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงจะสูงมากขึ้นไม่ว่าจะทั้งเพศหญิงหรือเพศชาย นอกจากนี้เชื้อชาติชาวแอฟริกัน–อเมริกัน มักจะมีความดันโลหิตสูงเมื่ออายุมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนผิวขาว
3 วิธีดูแลตัวเองอย่างไร ห่างไกลอาการความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ก็ใช่ว่าเราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดูแลตัวเองนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
1. ดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับส่วนสูง
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ลดปริมาณเกลือแกงหรือโซเดียม ในอาหาร โดยจำกัดการใช้เกลือ ในการปรุงอาหารหรือเครื่องปรุงรส บนโต๊ะอาหารหลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีปริมาณเกลือโซเดียมสูงหรือรสเค็มจัด เช่น อาหารกระป๋อง อาหารกินเล่น อาหาร แช่แข็งและปรุงสำเร็จ อาหารใส่ผงชูรส เป็นต้น
3. หลีกเลี่ยงสารเสพติด
ลด ละ เลิก เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด และไม่สูบบุหรี่ หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ขอแนะนำให้ควบคุมและจำกัดปริมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
อาการความดันโลหิตสูงหลีกเลี่ยงได้ เพียงเราใส่ใจและดูแลตัวเอง
ถึงแม้ว่าโรคความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีการแสดงอาการอย่างชัดเจน แต่เราก็สามารถสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเราได้ว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ หรืออาจจะใช้เครื่องมือวัดความดันโลหิตช่วยตรวจสอบก็ได้ หากสังเกตอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดตามมา