วันก่อน หลีได้อ่านบทความในงานศึกษาและวิจัย กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ชายไทย มีจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ และท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนผู้หญิงไทย มีจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ อ้างอิงข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข รายงานในปี 2559 ประเทศไทย จากผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 77,566 คน เป็นเพศชาย 44,490 คน และเป็นเพศหญิง 33,076 คน จะเห็นได้ว่า “โรคมะเร็งตับ” จะคงครองแชมป์โรคมะเร็งของคนไทย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลี เฝ้าคอยติดตามข่าวอย่างสนอกสนใจ คือ ข่าวจากวารสารทางการแพทย์ระหว่างประเทศต้านตับ ที่ชื่อ Liver International ได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 ลงไว้อย่างน่าสนใจ คือ การได้สำรวจผู้ที่เคยเป็นนักดื่มแอลกอฮอล์ หรือ ดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบัน จำนวน 319,514 คน พบว่า ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วเคยมีประวัติการใช้ “กัญชา” ร่วมด้วยแล้ว พบว่า ลดความเสี่ยงโรคตับโดยรวมลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ 30% – 45% รวมถึงความเสี่ยงโรคมะเร็งตับด้วย
และได้เขียนเพิ่มเติมอย่างน่าสนใจอีกว่า เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสนไปไกลถึงขั้นว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคมะเร็ง จะต้องระลึกเสมอว่า งานวิจัยดังกล่าวมีนัยยะเฉพาะการใช้กัญชาอาจจะ “ช่วยป้องกันลดความเสี่ยงโรคมะเร็งตับเท่านั้น ไม่ได้แปลว่า เมื่อเป็นโรคมะเร็งตับแล้วลำพังการใช้กัญชาเป็นยาเดี่ยวจะทำให้หายจากโรคมะเร็งตับได้” อย่างไรแล้ว ก็คงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับงานศึกษาค้นคว้าและวิจัยขององค์การอนามัยโลก ขอบคุณบทความที่น่าสนใจจากคุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ณ บ้านพระอาทิตย์
แน่นอน อย่างที่เราท่านทราบกันดีว่า การดื่มเหล้า อาจเป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคตับแข็ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คนทั่วไปจะไม่เสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบ แน่นอน ย่อมเกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรมบริโภคอาหารด้วย อาหารที่มีสารเจือปนในอากาศในอาหารมีมากมายในปัจจุบัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่เกิดภาวะสะสมสารพิษในตับมากมายโดยไม่ทันจะรู้เนื้อรู้ตัว และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องหมั่นดูแล บำรุงตับให้มีสุขภาพดี วันนี้ หลี มีเทคนิคดูแลตับ มาฝากกันค่ะ :-
วิธีดูแลตับ
-
เน้นทานอาหารที่ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น
เพราะตับเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย โดยตับทำหน้าที่ผลิตน้ำดี สะสมไกลโคเจน สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย กำจัดสารพิษต่าง ๆ เราควรเน้นทานอาหารที่ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น
เช่น ขิง เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบดีมาก โดยมันจะสามารถช่วยตับในการกำจัดสารพิษที่ก่อตัวขึ้นในร่างกาย และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น หรือสาหร่าย เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยในการทำงานของตับ และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระด้วย อีกทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย เน้นทานผักใบเขียว เพราะช่วยทำให้ตับสะอาด และเพิ่มกากในลำไส้ ทำให้ลดปัญหาท้องผูก และช่วยระบบขับถ่าย
-
ไม่ทานอาหารมัน
ด้วยภาวะเร่งรีบในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารฟาสฟู้ดจึงเป็นสิ่งที่หาซื้อทานง่าย แต่เราควรเน้นอาหารที่มาจากการต้ม แกง เท่านั้น เพราะอาหารทอดต่าง ๆ จะมีไขมันสูง หรือเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูง เพราะจะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับได้
-
ไม่ทานยาเกินความจำเป็น
การกินยาเกินความจำเป็น ส่งผลโดยตรงทำให้ตับทำงานหนักขึ้น จึงควรทานยาเท่าที่จำเป็น เพื่อรักษาค่าของตับให้อยู่ปกติ และทำงานไม่หนักเกินไป
-
อย่าปล่อยให้ร้อนใน
บางครั้งร่างกายอ่อนเพลีย และร้อนใน แนะนำให้ทานยาสมุนไพร จะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทลายโจร ดื่มน้ำใบบัวบก เมื่อหายร้อนใน ควรหยุดทาน ไม่เช่นนั้น ร่างกายจะเย็นเกินไป
-
พักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อน ๆ ทราบไหมค่ะว่า เวลาช่วงไหนที่ตับทำงานดีที่สุดในร่างกาย คำตอบก็คอ ช่วงเวลา 22.00-02.00น. ถือเป็นช่วงเวลาที่ตับเริ่มจ่ายความร้อน ออกมาทำให้เลือดไม่เย็นและเกิดความหนืด จึงเป็นเวลาที่เราควรพักผ่อนนอนหลับ ไม่ควรทำกิจกรรมอื่น หลายท่าน นิยมทานอาหารมื้อดึกมากเป็นพิเศษ ต้องระวังในเรื่องของน้ำย่อยอาหาร และระบบย่อยอาหารที่จะส่งไขมันกลับไปพอกที่ตับ สะสมนานวันเข้า จะกลายเป็น ไขมันพอกตับ ในที่สุด
ดังนั้น ถือว่าโรคตับ เป็นโรคติดอันดับต้น ๆ ที่มีคนป่วยมากขึ้นทุก ๆ ปี และนี่คือ 5 เทคนิคดูแลตับ ที่เราสามารถทำการดูแลได้ด้วยตัวเอง เพื่อช่วยลดการสะสมสารพิษในตับที่มีผลต่อการเจ็บป่วยในร่างกายของเรา ฝากดูแลตับกันตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไปนะคะ J
#คินน์เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและยั่งยืน
www.kinn.co.th
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผู้สูงอายุกับ โรคความดันโลหิตสูง ควรรับมืออย่างไร ?
5 โรคยอดฮิตวัย 50 ปี ที่ทุกคนต้องระวัง ปัญหาสุขภาพที่พบในผู้สูงอายุ
เปิด 5 สัญญาณขาดธาตุเหล็ก อาการร่างกายขาดธาตุเหล็กสังเกตยังไง