ปัญหารอยย่นบนหน้าผาก ยิ่งอายุมากยิ่งขึ้นง่าย
ปัญหารอยย่นบนหน้าผาก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ปัจจัยหลัก ๆ คืออายุที่มากขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยเดียวกันกับการเกิดกระเนื้อ แต่จริง ๆ ริ้วรอยบนหน้าผากจะแสดงให้เห็นได้ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป และจะแสดงชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนไปจนถึงวัยสูงอายุ และปัญหานี้ก็เป็นปัญหาความสวยความงามอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างรกหูรกตา โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ใส่ใจเรื่องความสวยความงาม ซึ่งปัญหานี้ก็มีวิธีแก้หลายแบบ เราเลยขอเสนอ 8 วิธีแก้รอยย่นหน้าผาก ให้ผิวหน้ากลับมาดูมีชีวิตชีวาด้วยตัวเอง
รอยย่นหน้าผาก เกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิดรอยย่นหน้าผากมีหลากหลายปัจจัย เช่น
– อายุ รอยย่นบริเวณหน้าผากจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อมีอายุมากขึ้น สังเกตจากตัวเองผู้เขียนเอง แค่ อายุยังไม่ถึง 30 ก็มีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะยิ่งอายุเยอะ ร่างกายก็จะสร้างคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกันกับการเกิดถุงใต้ตา ทำให้ผิวของเราบางลงด้วย จนทำให้เกิดรอยย่น และจะขึ้นชัดที่สุดบริเวณหน้าผาก นอกจากนั้น อายุที่มากขึ้น ร่างกายจะผลิตซีบัม (ไขมันบริเวณผิวหนัง) น้อยลงด้วย ทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น
– ผิวแห้ง ซึ่งปัญหาผิวแห้งนี้สามารถเกิดได้ทุกวัย และจะสะสมไปเรื่อย ๆ หากไม่ได้ดูแล และปัญหาผิวแห้งก็มีส่วนทำให้เกิดริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้หน้าผากย่นได้เช่นกัน
– ผลกระทบจากแสงแดด นอกจากจะทำให้เกิดจุดด่างดำ เกิดริ้วรอย และส่งผลเสียหลายอย่างต่อใบหน้าแล้ว ก็ทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผากด้วยเช่นกัน
– การแสดงออกบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม หัวเราะ หรือการแสดงออกอะไรก็ตามที่ทำให้หน้าผากเกิดการย่น นาน ๆ เข้าก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยย่นบนหน้าผาก
– ความเครียด ปัญหาความเครียดในผู้สูงอายุ จะทำให้เกิดรอยย่นหน้าผากได้ง่ายขึ้นในระยะยาว
– ไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายหรือขาดสารอาหารที่จำเป็น การดื่ม การสูบบุหรี่ เป็นต้น
วิธีแก้รอยย่นหน้าผาก 8 วิธี ให้กลับมาดูเยาว์ขึ้น
1 . ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
เนื่องจากแสงแดด เป็นปัญหาหลักของการเกิดริ้วรอย และเป็นสาเหตุหลักของการเกิดรอยย่นบนหน้าผากด้วย ยิ่งโดนแสงแดดมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ผิวหน้าของเราแห้ง มีจุดด่างดำ และทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น การทาครีมกันแดดก็มีส่วนช่วยทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นช้าลง ลดระยะเวลาการเสื่อมสภาพของผิวจากการเจอแสงแดดได้ด้วยเช่นกัน
2 . ลดหรือเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง
คนที่ชอบทานหวานอาจจะไม่ถูกใจ แต่จริง ๆ แล้ว การทานหวานมาก ๆ นั้นจะทำให้ดูชราก่อนวัย และทำให้เกิดรอยย่นบริเวณหน้าผากได้ง่ายขึ้น เพราะอะไร? เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง จะเกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งปฏิกิริยานี้จะเข้าไปลดการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ร่างกายดูชราก่อนวัย นอกจากนี้ อาหารประเภททอดและย่างที่มีน้ำมันเยอะ ก็มีส่วนทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยานี้ด้วย การทานอาหารลดน้ำตาลในเลือดจะเป็นวิธีการลดน้ำตาลได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
3 . เปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร
อาหาร เป็นตัวแปรสำคัญต่อสุขภาพที่ดี รวมถึงสุขภาพผิวหนังของเราด้วยเช่นกัน การทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ เช่นอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ
4 . หลับนอนให้เป็นเวลามากขึ้น
ปัญหารอยย่นบนหน้าผากก็อาจเกิดขึ้นจากการหลับพักผ่อนไม่เพียงพอด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุนอนไม่หลับ นอกจากนั้นก็อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ใบหน้าดูอ่อนล้าได้ด้วย เพราะฉะนั้น การหลับนอนให้ตรงเวลา พยายามนอนให้ได้วันละ 7-9 ชั่วโมงเป็นสิ่งสำคัญ
5 . ทามอยเจอไรเซอร์เป็นประจำทุกวัน
เนื่องจากผิวแห้ง เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดรอยย่นบนใบหน้าและหน้าผาก การทามอยเจอไรเซอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และยังเป็นเกราะป้องกันผิวอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน
6 . นวดหน้าผาก
การนวดบริเวณหน้าผากเบา ๆ จะทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้นดีขึ้น ตามมาด้วยการสร้างคอลลาเจนมากยิ่งขึ้นด้วย ทำไปนาน ๆ ก็อาจทำให้รอยย่นบนหน้าผากค่อน ๆ จางลงไปได้ด้วยเช่นกัน
7 . ว่านหางจระเข้ช่วยได้
นอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวแล้ว ก็มีส่วนช่วยในการเป็นมอยเจอไรเซอร์ให้กับผิวและช่วยปลอบประโลมผิวด้วย การทาว่านหางจระเข้บริเวณหน้าผาก จะทำให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดรอยย่นบนหน้าผากได้ด้วย
8 . ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อย่างที่ได้อธิบายไป ว่าการขาดความชุ่มชื้น อาจมาจากร่างกายขาดน้ำ เมื่อร่างกายขาดความชุ่มชื้น จะทำให้ผิวหนังของเราแห้ง และเสี่ยงต่อการเกิดรอยย่นบนหน้าผากได้ เพราะฉะนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 16 แก้วต่อวัน เลยเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหารอยย่นบนหน้าผากได้
สรุป รอยย่นบริเวณหน้าผากเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักที่เราเลี่ยงไม่ได้คือเรื่องของอายุที่มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะสัญญาณของรอยย่นจะออกมาให้เห็นตั้งแต่วัย 30 ก็ตาม ใครเห็นรอยย่นขึ้นแล้วก็คงอยากจะเอามันออกเป็นธรรมดา วิธีข้างต้นที่ได้แนะนำไป 8 วิธีนี้ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ก็อาจปรึกษาคลินิกหรือแพทย์ผู้ช่วยชาญเกี่ยวกับผิวหนังและความงาม เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม :
อาหารบำรุงสายตาสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อสุขภาพตาที่ดียิ่งขึ้น