สาเกหวาน ทั้งสดชื่นและมีประโยชน์
หากนึกถึงซุปเปอร์ฟู้ด ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เราอาจนึกถึงอาหารญี่ปุ่นที่เป็นอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ เราอาจจะนึกถึงถั่วเน่าญี่ปุ่นหรือนัตโตะ ซุปมิโซะ ซาชิมิ มัทฉะ และอาหารอีกหลากหลายอย่างที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ถ้าหากให้พูดถึงเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพอีกอย่างหนึ่งคงไม่พ้น “อามาซาเกะ” หรือสาเกหวาน ที่สามารถพบเห็นได้ตามคาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารในญี่ปุ่น อามาซาเกะ ประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง คนรักสุขภาพต้องรู้
อามาซาเกะ คืออะไร ทำไมคนญี่ปุ่นถึงชอบ?
อามาซาเกะ แปลจากภาษาญี่ปุ่น คือ “สาเกหวาน” ซึ่งมี 2 แบบ ทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ แบบมีแอลกอฮอล์จะใช้วัตถุดิบอย่างกากที่ได้จากการหมักเหล้าสาเกกับมอลต์ข้าว แบบไร้แอลกอฮอล์จะมีกระบวนการที่ต่างออกไปโดยใช้ข้าว น้ำ และราโคจิ ต้มเข้าด้วยกันประมาณ 8 – 10 ชั่วโมงก็จะได้สาเกหวานพร้อมดื่ม อามาซาเกะจะมีรสชาติหวานตามชื่อ นอกจากดื่ม ก็สามารถนำไปทำเป็นเมนูได้หลายอย่าง ทั้งของหวาน ขนม และเครื่องดื่มอย่างอื่นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอามาซาเกะนี้ มีทั้งแบบไม่มีแอลกอฮอล์และมีแอลกอฮอล์ผสมเล็กน้อย หากใครที่ไม่ต้องการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควรสังเกตดี ๆ ก่อนทำการซื้อ
อามาซาเกะ มีสารอาหาร แร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ที่ดีต่อร่างกาย เช่น กรดอะมิโน วิตามินบีหลากหลายชนิด กรดโฟลิค ไนอาซิน ไทอามิน และเนื่องจากมีข้าวเป็นวัตถุดิบส่วนผสม ก็จะมี เซเลเนียม แมงกานีส แมกนีเซียม และฟอสฟอรัสด้วยเช่นกัน
ประโยชน์จากสาเกหวาน ที่มากกว่าที่คิด
เนื่องจากมีแร่ธาตุและวิตามินที่มากมาย ทำให้อามาซาเกะมีประโยชน์หลากหลายที่ดีต่อร่างกาย อย่างเช่น ทำให้สุขภาพกระเพาะและสำไส้ดีขึ้น เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยในเรื่องของผิวพรรณและระบบเผาผลาญ เป็นพลังงานสมอง และช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก
ช่วยในเรื่องของสุขภาพภายในกระเพาะและลำไส้
ในอามาซาเกะ จะมีโอลิโกแซ็กคาไรต์ (Oligosaccharide) ที่เป็นแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อร่างกายอย่างบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ที่จะทำให้ภายในลำไส้มีแบคทีเรียดีมากขึ้น ช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมภายในลำไส้ได้ดีขึ้น และเป็นอาหารไฟเบอร์สูง เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำและไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ แต่จะมีปริมาณไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายได้ดี รวมถึงป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกด้วยเช่นกัน เมื่อภายในลำไส้ดีขึ้น อาการท้องผูกก็จะดีขึ้นรวมถึงปัญหาด้านผิวหนังจะดีขึ้นตามด้วย
ช่วยในเรื่องของผิวพรรณและระบบเผาผลาญ
วิตามินบี อย่างวิตามินบี 2 วิตามินบี 6 และไนอาซิน ในอามาซาเกะ จะช่วยให้เผาผลาญโปรตีนในร่างกาย เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายก็จะผลัดเซลล์ผิวได้ดีขึ้น จะทำให้สุขภาพผิวพรรณดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ วิตามินสาเกหวานอย่างวิตามินบี 1 และวิตามินบี 5 ก็สามารถเข้าไปช่วยในเรื่องของผิวพรรณและเส้นผม และมีกรดโคจิก (Kojic acid) ที่มีคุณสมบัติในการจัดการกับเมลานินหรือเม็ดสี ทำให้ผิวสดใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กรดโคจิกก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ และดีต่อการต่อต้านริ้วรอยด้วยเช่นกัน
เป็นพลังงานสมอง
น้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีอยู่กว่า 20% ในอามาซาเกะ เมื่อดื่มเข้าไป ร่างกายจะได้รับพลังงานและรีเฟรชสมอง เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดื่มก่อนเข้างานหรือดื่มก่อนการเรียนหนังสือได้ด้วยเหมือนกัน
เสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ในอามาซาเกะ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด อย่าง เออโกไธโอนีน (Ergothioneine) ที่เป็นกรดอะมิโนที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากการทำลายออกซิเดชั่น และช่วยลอดริ้วรอย มี กรดโคจิก (Kojic acid) ที่ได้จากราโคจิที่มีคุณสมบัติในเรื่องของเมลานินหรือเม็ดสีให้เม็ดสีจางลง และมีกรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีในด้านของการลดริ้วรอย นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบี 1 และวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
อามาซาเกะ ดื่มอย่างไรให้สุขภาพดี
การดื่มอามาซาเกะ เป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากในช่วงฤดูหนาว และการนำไปแช่ในตู้เย็นเพื่อดื่มในช่วงฤดูร้อนก็ได้เช่นกัน ทั้งเย็นทั้งร้อน ก็มีรสชาติอร่อยเหมือนกัน เราสามารถเพิ่มความอร่อยเข้าไปได้อย่างเช่น อบเชย ขิง หรือวนิลา
แต่การดื่มอามาซาเกะ หากดื่มมากเกินไปต่อวัน ก็อาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนได้ การดื่มอามาซาเกะที่ปลอดภัยต่อร่างกาย สามารถดื่มได้ทุกวัน โดยแนะนำให้ดื่มวันละไม่เกิด 118 กรัมต่อวัน
ทำไม อามาซาเกะถึงเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงกำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลก? เพราะรสชาติที่อร่อย เหมาะกับการดื่มได้ในทุกโอกาส และที่สำคัญคือดีต่อร่างกาย ทั้งผิวพรรณและระบบเผาผลาญ สมอง กระเพาะอาหารและสำไส้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ดีต่อร่างกาย เรียกได้ว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟู้ด” ที่ทำให้อามาซาเกะเป็นเครื่องดื่มอย่างหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพ
อ่านบทความเพิ่มเติม :
เห็ดชิตาเกะ สรรพคุณมากมาย กินง่าย ได้ประโยชน์