คงได้ยินบทเรียนหนึ่งที่เกี่ยวกับปลาว่า
“ยื่นปลาให้เขา หรือสอนเขาหาปลา”
และยังมีอีกบทเรียนหนึ่ง เกี่ยวกับปลาซึ่งได้ให้อีกมุมมองดังต่อไปนี้
มีครอบครัวหนึ่งที่เป็นเพื่อนผมและอยู่ต่างประเทศ ได้เล่าให้ฟังว่า
ครอบครัวเขาต้องการมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน แต่ภรรยาเขาก็เป็นคนแพ้ขนสัตว์
และสามีก็ไม่ชอบงู สุดท้ายมาลงเอยที่เลี้ยงปลาตู้
สามีให้อาหารปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำเป็นประจำ และนั่งสังเกตุปลาทุกวัน ก็เห็นการดำรงชีพของปลาสรุปได้ดังต่อไปนี้
- เรื่องการหายใจ ต้องใช้พลังอย่างมาก
โดยธรรมชาติคนเราจะมีการหายใจเอาอากาศเข้าไปโดยผ่านทางจมูก แต่การหายใจของปลา โดยปกติปลาหายใจด้วยเหงือกของมัน
เมื่อปลาอยู่ในน้ำ ปลาต้องใช้พลังอย่างมากในการดึงออกซิเจนที่มีอยู่ในน้ำ
เพื่อผ่านเหงือกของมัน มิฉะนั้นแล้วปลาคงจะตายหากไม่มีออกซิเจนที่เพียงพอ
ดังเช่นปลาตายที่อยู่ในลำน้ำหรือคลองที่มีน้ำสกปรก - ปลามองแต่ข้างหน้า
เมื่อสังเกตุตรงตาทั้งสองข้างจะเห็นว่าตาของมันมองแต่ข้างหน้าทั้งสองข้างยกเว้นปลาบางสายพันธ์ที่มีตาแบบอื่น - ปลาว่ายไปข้างหน้าตลอด
ส่วนใหญ่แล้วเห็นแต่ปลาว่ายไปข้างหน้า และไม่ค่อยเห็นปลาว่ายถอยหลัง
หากปลาว่ายในตู้ปลาคงเห็นแต่ปลาจะกลับตัวเมื่อว่ายไปถึงตู้ปลาอีกด้านหนึ่ง
คงไม่เคยเห็นปลาว่ายไปข้างหน้าและว่ายถอยหลัง
ผู้นำได้เรียนรู้จากบทเรียนข้างบนทั้งสามข้อดังนี้
- ผู้นำต้องใช้พลังอย่างมากในการทำงานหรือนำทีม
ดังเช่นปลาที่ต้องใช้พลังอย่างมากในการดึงออกซิเจนในน้ำเพื่อการหายใจ
เพื่อผลสำเร็จในการทำงานให้ตรงตามเป้าหมายขององค์กร
ผู้นำต้องจดจ่อและพัฒนาตัวเองพร้อมทีมงานอย่างมากเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ต้องการให้ได้
เพื่อความอยู่รอดในองค์กรหรือธุรกิจที่ดูแลอยู่ - ผู้นำต้องมองข้างหน้าตลอดเวลาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนตาของปลาที่มองแต่ข้างหน้า
หากผู้นำไม่มองข้างหน้าก็อาจจะหลงทางหรืออาจจะเสียเวลามากขึ้นเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผู้นำต้องเห็นข้างหน้าอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะให้ทีมงานเดินตามเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
- ผู้นำต้องเดินหน้าตลอดเวลาดังเช่นปลาที่ต้องว่ายไปข้างหน้าตลอด
หากผู้นำยังย่ำอยู่กับที่ก็เหมือนกำลังเดินถอยหลัง
เพราะคู่แข่งและคนอื่นๆ มีความก้าวหน้า
หวังว่าคงได้ “ฉุกคิด” กับบทเรียนนี้ คงต้องกลับมาคิดว่า ณ. ปัจจุบันนี้ เรายังใช้พลังส่วนใหญ่เพื่อทุ่มเทกับเป้าหมายที่วางไว้ไหม มองไปข้างหน้าไกลขนาดไหน หรือยังเดินหน้าตลอดเวลาไหม
……….