หวานตัดขา เรียกได้ว่าเป็นวลียอดฮิตที่เราหลาย ๆ คนมักได้ยินกัน และชอบนำมาตักเตือนเชิงแซวเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบอาหารรสหวานมาก ๆ ว่า ทานหวานมากระวังต้องตัดขา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจคิดว่าวลีนี้เป็นเพียงเรื่องขำขันเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วการทานหวานจนต้องตัดขา เป็นเรื่องจริงที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องพบเจอ อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ก็อาจสร้างคำถามในใจหลาย ๆ คนขึ้นมาอีกว่า ผู้ป่วยเบาหวานต้องตัดขาทุกคนหรือไม่ หากไม่ได้ตัดกันทุกคน ควรดูแลตนเองอย่างไร วันนี้ I-Kinn มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
หวานตัดขา คืออะไร วลีนี้มาจากไหน เกี่ยวข้องยังไงกับผู้ป่วยเบาหวาน?
“หวานตัดขา” หรือ “หวานจนต้องตัดขา” เป็นวลีที่หลายคนมักพูดกันเมื่อได้กินของที่มีรสชาติหวานมาก ๆ แต่หลายคนเคยสงสัยไหมว่า ทำไมกินของรสหวานจัดแล้วจะต้องตัดขา แม้จะเป็นวลีที่เอาไว้พูดเล่น แต่ที่มาของวลีนี้อาจน่ากลัวกว่าที่คิด
“หวานจนต้องตัดขา” คืออะไร?
หนึ่งในนั้นได้แก่อาการแผลหายช้า บ้างก็เรียกแผลเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดและเส้นประสาทบริเวณเท้า ทำให้ชาหรือไม่รู้สึก ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวเมื่อเท้าหรือขาเกิดบาดแผล ซึ่งอาจทำให้บาดแผลขยายใหญ่มากขึ้น
อาการแผลที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานเป็นอาการที่น่ากังวล เพราะแม้แต่แผลขนาดเล็กก็อาจใช้เวลานานกว่าจะหาย เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือดในบริเวณนั้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง ทำให้แผลหายช้ามากขึ้นเป็นทวีคูณ
หากดูแลตัวเองไม่ดีหรือขาดความรู้ในการดูแลตัวเองก็อาจทำให้บาดแผลอักเสบรุนแรงกว่าเดิม เกิดเนื้อเน่า และเมื่อแผลลุกลามใหญ่ขึ้น จนไม่สามารถรักษาให้หายได้ แพทย์อาจจำเป็นต้องตัดเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบเพื่อป้องกันการติดเชื้อลามมาบริเวณขา
โดยเนื้อเยื่อที่อาจได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องตัดทิ้งก็แตกต่างกันในแต่ละคน เช่น นิ้วเท้า เท้า หรือแม้แต่ขาทั้งขา และนี่ก็อาจเป็นที่มาของวลี “หวานจนต้องตัดขา” นั่นเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด แผลเบาหวาน
แผลเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย และเป็นภาวะแทรกซ้อน ที่ผู้ป่วยเบาหวานเป็นมากที่สุด จึงจำเป็นต้องลดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อไม่ให้แผลเบาหวานนี้เกิดขึ้นค่ะ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานมานานหลายปี และไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- มีอาการของโรคเส้นประสาท
- ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี
- มีภาวะแทรกซ้อนที่ไต
- จอประสาทตาผิดปกติ
- ชอบสูบบุหรี่
- มีอายุมาก และมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- มีประวัติการตัดนิ้วเท้าหรือขา หรือมีแผลที่เท้ามาก่อน
- ไม่ชอบสวมรองเท้า หรือสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
วิธีป้องกันการเป็นแผลเบาหวานที่เท้า
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ที่ยังไม่เกิดแผลเบาหวานขึ้น นับเป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ ดังนั้น จึงควรดูแลรักษาให้สุขภาพเท้าดีเช่นนี้ ต่อไปนะคะ
1.หมั่นสังเกตเท้า และความสะอาดทุกวัน หากพบความผิดปกติใด ๆ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
2.ทาโลชั่นทุกวัน ภายหลังจากการทำความสะอาด เพื่อให้เท้ามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
3.ตัดเล็บเท้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ยาว หรือตัดจนสั้นเกินไป และขณะตัดควรระมัดระวัง อย่าให้เกิดบาดแผล
4.สวมถุงเท้า เพื่อลดการเสียดสีของเท้า และหมั่นซักถุงเท้าบ่อย ๆ
5.เลือกใช้รองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ที่สวมใส่สบาย ลดการเกิดบาดแผลได้
รับประทานอย่างไรให้ห่างไกลโรคเบาหวาน
การป้องกันหรือชะลอการเป็นโรคเบาหวานจะมุ่งเน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต (Lifestyle Modification) หมายถึง การปรับวิถีการดำรงชีวิตประจำวันเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ประกอบด้วยการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ การมีกิจกรรมทางกายและออกกำลังกายที่เหมาะสม ร่วมกับการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี
ซึ่งโภชนบำบัดทางการแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานในผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานในผู้ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน (Pre – Diabetes) ภายใต้ข้อแนะนำคือ ควรมีน้ำหนักตัวและรอบเอวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถทำได้ทุกคน โดยเฉพาะการควบคุมปริมาณน้ำตาลคือเรื่องที่ไม่ควรละเลย ในแต่ละวันไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา รวมทั้งการควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพราะไม่เพียงแต่จะป้องกันโรคเบาหวานเท่านั้น ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังไม่ติดต่อต่าง ๆ ได้ด้วย
บทความที่น่าสนใจ
กินผักเยอะเกินไป อันตรายไหม ส่งผลเสียต่อร่างกายหรือเปล่า
เตือนแล้วนะ! ผักห้ามกินดิบ ฝืนกินอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ผักอบกรอบมีประโยชน์จริงไหม กินเพื่อลดน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า?