ย่างเข้าเดือนธันวาคม เดือนแห่งสังสรรค์ เอาเข้าจริง ๆ บางท่านก็อาจจะสังสรรค์กันเกือบทุกเดือน เพียงแต่ช่วงปลายปี แถวตุลาคม ถึงธันวาคม ถือเป็นเดือนมงคล ผู้เขียนเองก็ได้รับเชิญไปร่วมงานสังสรรค์แต่งงานของเพื่อน ๆ รุ่นน้องกันหลายงานอยู่เหมือนกัน นี่ยังไม่นับงานรื่นเริงรวมรุ่น คืนสู่เหย้า ทานโต๊ะแชร์ ต่าง ๆ อีกทั้ง ร้านอาหารต่าง ๆ ก็พาเหรดงัดโปรลดกระหน่ำ ตูม ๆ กันเลยทีเดียว มิหน่ำซ้ำขนมหวาน ลด 50% หลังเวลาทุ่มนึง โห้..ใครหรือจะอดใจไหว ต้องพลั้งเผลอทาน พร้อมกระซิบบอกตัวเองว่า “พรุ่งนี้ค่อยลด” ก็แล้วกัน อยากทานของหวาน…แต่ก็กลัวอ้วน อันนี้ใครเป็นบ้างยกมือขึ้นหน่อยยยย !! เชื่อได้เลยผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเจอปัญหานี้ ใจหนึ่งก็อยากทาน ใจหนึ่งก็เฮ้อออ..กลัวอ้วน ทำงัยดี ก็ทานเลย แล้วไปลดวันหลัง (เพื่อนผู้เขียนบอกอย่างนั้น) แต่ไม่ต้องคิดเยอะ วุ่นวายอีกแล้ว วันนี้ผู้เขียนมีเคล็ดลับง่าย ๆ มาแนะนำ ทานของหวานอย่างไร ยังรักษาหุ่นได้เพรียวลม แถมไม่ให้อ้วนด้วยสิ !
- ต้องคำนวณปริมาณแคลอรี่
ขอหยิบมาไว้ข้อแรกเลยทีเดียวเชียว เพราะสำคัญมาก อาจมีคำถามแล้วจะคำนวณอย่างไร ? คืออย่างนี้ค่ะ ก่อนทาน เราควรอ่านปริมาณแคลอรี่ในขนมเสียก่อน อ่านจากข้างกล่อง หรือสลากกำกับด้านใน แสดงข้อมูลโภชนาการ อ่านให้ละเอียด และควรเน้นที่มีไขมัน เป็นส่วนประกอบให้น้อย ถึงน้อยที่สุด
- ช่วยลดแคลอรี่ในขนม
มีสงสัย ลดแคลอรี่ในขนม ยังไง ? นี่เลย ตักครีมออกจากขนมก่อนทาน เช่น หน้าเคกมีครีม หรือเรซิ่น ที่โรยมา ให้เราเกลี่ยน้ำตาล/ครีม ออก จะช่วยลดพลังงานได้ถึง 80-140 แคลอรี่ เลยทีเดียว
- ใช้เทคนิคเข้าช่วย
อยากหุ่นดี แต่ยังอยากทานขนม ต้องใช้เทคนิคนี้เป็นตัวเสริมเลยค่ะ คือ ดื่มน้ำไปก่อนทานขนมหวาน เพราะการที่เราดื่มน้ำเข้าไปก่อน จะช่วยทำให้เราอิ่มได้ส่วนหนึ่ง จึงทานขนมหวานได้น้อยลงไปในตัว
- ลดสัดส่วนในการทาน
เคยได้ยินประโยคนี้ไหมค่ะ “ทานแค่รู้รส” เช่นทานคุกกี้เพียง 1 ชิ้น และทานไอศกรีมอีก 1 สคูปเล็ก ๆ เราก็จะได้ทานหลากหลายอย่าโดยได้แคลอรี่เพียงครึ่งเดียว
- เดินออกกำลังหลังทานขนม
ยกตัวอย่าง ทานขนมไปสัก 10-15 นาที อย่านั่งนิ่งนะคะ แนะนำให้เดินเล่นรอบ ๆ บ้านสัก 15 นาที เพื่อช่วยย่อย และยังช่วยไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกด้วย
- แนะดื่มชาเขียว
จะเป็นชาเขียว กาแฟร้อน ได้ทั้งนั้นค่ะ (เลี่ยงใส่น้ำตาล และครีม) เพราะเจ้าตัวคาเฟอีน จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากจำเป็นต้องใส่น้ำตาลจริง ๆ ให้แทนด้วย น้ำตาลเทียม
- งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น
โดยควรเน้นมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน เป็นผัก 80% และโปรตีนเพียง 20% ส่วนมื้อเย็นให้ทานผัก ผลไม้สด และดื่มน้ำเปล่า (งดของหวานตลอดวัน) หรือวันรุ่งขึ้น ทานแบบ IF เลยก็ได้ค่ะ คือ งดมื้อเช้ายาวไปเลย ทานเป็นมื้อเที่ยงไปเลยก็ได้เหมือนกัน ส่วนมื้อเย็น ทานซุป หรือสุกี้ผักแทน
บางท่านบอกคำนวณปริมาณแคลอรรี่ในร่างกายว่าต้องการต่อวัน ง่ายกว่า ก็ได้เหมือนกันค่ะ ความโชคดียุคนี้ ขนมส่วนใหญ่ เครื่องดื่มต่าง ๆ จะเน้นที่มีไขมันต่ำ ช๊อคโคแลค low fat จึงทำให้เพิ่มโอกาสในการทานของหวานง่ายขึ้นอีก อย่างไรก็ดี นอกจากควบคุมการทานอาหารแล้ว อย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะคะ พบกันใหม่ ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ
(เครดิต : )
www.kinn.co.th
#KINN_Holistic_Healthcare