การปรับตัวเชิงรุก

เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในด้านสมรรถนะองค์กร ให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งที่ได้จากการสัมภาษณ์ท่าน พิสิษฐ์ ผู้ว่าการ สตง. สมัยนั้น คือ การทำงานเชิงรุก และการคิดต่อยอดเพื่อนวัตกรรมและการพัฒนา

สองสิ่งนี้ดู เหมือนต่างกัน แต่มีความเกี่ยวข้องกัน ดังที่ท่านพิสิษฐ์ได้ให้มุมมองไว้ว่า การทำงานใดๆ หากเรามุ่งแต่จะตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราคงไม่มีทางก้าวหน้า หรือพัฒนาได้ เพราะคนอื่นคงคิดไปได้ไกลกว่าเรา

หากเปรียบเทียบเหมือนกับการคิดค้น สร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ย่อมท้าทายกว่าการแก้ปัญหาเมื่อซอฟแวร์ถูกแฮกเกอร์เจาะเข้าระบบแน่นอน แต่การป้องกันปัญหาหรือการคิดแบบแฮกเกอร์นั้นจะทำให้เราเกิดนวัตกรรมและการพัฒนาต่อยอดทางความคิดได้มากกว่า

เพียงแค่เราหยุดอยู่กับที่ก็เท่ากับถอยหลังแล้ว

ในการทำงานใดๆ ควรมองหาโอกาสในการพัฒนาอยู่เสมอ คิดวิเคราะห์หาทางป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น งานน่าจะสนุกมากกว่าคอยหาทางแก้ปัญหาที่เกิดอยู่ตลอด หรือแย่กว่านั้นคือ ไม่สามารถทำงานเชิงรุกได้เลย ต้องคอยลุ้นนวัตกรรมของแฮกเกอร์ หรือคนที่จะทุจริตว่าจะทำอะไร แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับเราจะจับทุจริตนั้นได้หรือไม่

วันนี้การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่หน้าบ้านของคุณ เขาไม่ได้รอให้คุณเปิดประตูต้อนรับ แต่เขาได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณไปแล้ว

อย่าเป็นคนที่รู้ตัวช้า แล้วพบว่า มันสายเกินไป

วันนี้เริ่มต้น ทำอะไรใหม่ๆ ลองอะไรที่ไม่เคยทำ คิดต่าง ทำต่าง เปิดใจรับฟังคนอื่น

หากแฮกเกอร์ หรือคนที่เห็นช่องโหว่ง สามารถทำให้คุณเดือดร้อนได้ แล้วทำไมคุณจะไม่ควรรับฟังไอเดียจากคนต่างวัย ต่างแผนก ต่างภูมิหลัง แม้กระทั่งคนที่คุณไม่ชอบ เพื่อให้เรารู้รอบ และรู้เท่าทันเขา และทันการเปลี่ยนแปลง