ตอนนี้เริ่มมีเทรนการลดน้ำหนักแบบใหม่ด้วยการใช้ “กะทิลดน้ำหนัก” โดยสูตรการทานก็คือนำน้ำมะพร้าวผสมเข้ากับกะทิ ดื่มทุกวัน จะช่วยลดน้ำหนักได้ วันนี้ผู้เขียนจึงจะมาช่วยไขข้อสงสัยให้ฟังกันค่ะว่า จริงชัวร์หรือมั่วนิ่มกันแน่?

ประโยชน์ของ “กะทิ”

กะทิ คือ ไขมันชนิดนึงที่มีสีขาวขุ่นที่ได้จากมะพร้าว รสชาติมัน เพิ่มรสชาติ เพิ่มรสสัมผัสให้อาหารข้นขึ้น และตกแต่งให้หน้าตาอาหารสวยขึ้น นอกจากนี้กะทิยังมีคุณประโยชน์หลากหลาย เช่น

กะทิอุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี1, วิตามินบี2, วิตามินบี3, วิตามินบี6 วิตามินซี สารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) และโพแทสเซียม ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ลดคอเลสเตอรอลส่วนเกิน ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ บรรเทาความเครียดสะสม ช่วยบำรุงผิวให้สวยและสุขภาพดี
มีกรดลอริก ( lauric acid) ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันแบคทีเรียและไวรัส ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับไวรัสต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
กระตุ้นระบบย่อย
มีไขมันชนิดอิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งทำหน้าที่ดักจับไขมัน กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าเดิม

กะทิลดน้ำหนักได้จริงหรือ?

และในจุดนี้เองทำให้หลายๆ คนเริ่มหันมาทานกะทิเพื่อใช้ในการลดน้ำหนัก ซึ่งถามว่า สามารถใช้ได้จริงแท้แน่นอนหรือไม่นั้น … ผู้เขียนก็ลองหาข้อมูลและงานวิจัยรองรับว่ามีหรือไม่? ก็พบว่า ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุอย่างแน่นอนค่ะว่า “กะทิสามารถลดไขมันและใช้ในการลดน้ำหนักได้” มากกว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่ากะทิจะมีสรรพคุณที่ช่วยดึงพลังงานไขมันสะสมออกมาใช้ได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอที่จะช่วยลดไขมันทั้งหมด เพราะในกระทิ 1 กล่องขนาด 250 มิลลิลิตรก็ให้พลังสูงมากขึ้น 360 กิโลแคลอรี่แล้ว หากใครที่ต้องการลดน้ำหนักจริงๆ จึงไม่ควรมมุ่งหวังว่า การทานกะทิเพียงอย่างเดียวจะสามารถช่วยลดไขมันและลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ค่ะ แต่ควรทานกะทิอย่างพอดี ควบคุมอาหารที่เหมาะสม และออกกำลังกายจะช่วยได้มากกว่าค่ะ