ทุกท่านทราบกันดีแล้วว่า โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่พบได้บ่อย และแต่ละปีมีจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี หนึ่งในสาเหตุหลักคือ พฤติกรรมการกินอาหาร ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทำให้รับปัจจัยเสี่ยงเข้ามามากขึ้น ทำให้คนเป็นโรคเบาหวานกันเยอะขึ้น การเป็นโรคเบาหวาน สามารถมาจากพันธุกรรม ถ้าพ่อ แม่ เป็นเบาหวาน ลูกก็มีสิทธิ์เป็นเบาหวานสูงกว่าคนทั่วไป จากจำนวนผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี วงการแพทย์จึงได้เริ่มมองเบาหวานในมุมมองของการป้องกัน (มากกว่าการรักษา) ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ถือเป็นภาวะที่ป้องกันได้โดยต้องมีการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ด้วยแนวทางลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
5 ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
-
ประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น โรคเบาหวานเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยลูกที่มีพ่อแม่เป็นเบาหวาน จะมีโอกาสเป็นเบาหวาน ร้อยละ 60 เลยทีเดียว พันธุกรรมความดื้อต่ออินซูลินจะเกี่ยวข้องกับยีนหลายตัว ทำให้ระดับความรุนแรงในการถ่ายทอดโรคเบาหวานทางพันธุกรรมแตกต่างกนไปในแต่ละครอบครัว
-
อ้วน
ด้วยพฤติกรรมการทานอาหารที่ชื่นชอบการทานแป้ง น้ำตาล ไขมัน ตลอดวิถีการใช้ชีวิต ที่มีการเคลื่อนไหวออกกำลังกายน้อย (หรือไม่ออกกำลังกายเลย) ทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อยลง ทานเยอะ แต่ไม่ออกกำลังกาย จึงเกิดความไม่สมดุลและกระตุ้นให้เกิดการดื้ออินซูลินมากขึ้น
-
ไขมันในเลือดสูง
สัญญาณอันตรายคือ เมื่อไขมันในเลือด เจ้าตัว ไตรกลีเซอไรด์สูง และไขมันดี HDL ลดลง ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีความดื้ออินซูลินเพิ่มขึ้น อย่างที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่า ไขมันในเลือดสูง จะจูง เบาหวานมาด้วย นั่นเอง
-
ความดันเลือดสูง
ความดันเลือดสูง จัดเป็นส่วนหนึ่งของโรคเบาหวานเลยทีเดียว โดยเฉพาะความดันเลือดสูงในผู้ป่วยเบาหวาน เริ่มต้นจากความผิดปกติของตะกรันที่หลอดเลือด ซึ่งทำให้หลอดเลือดเกิดความต้านทานเพิ่มขึ้น หัวใจจึงสูบฉีดเลือดแรงขึ้น ส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้นตามมา ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีความดันสูง ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาล และไขมันในเลือดอย่างต่อเนื่อง
-
อายุเพิ่มขึ้น
ถือเป็นธรรมชาติของร่างกายที่จะมีความดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้น ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
เป็นเบาหวาน ทำไมแผลหายช้า ?
ถือเป็นคำถามที่พบบ่อย แผลที่เกิดในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไขมันและน้ำตาลจะไม่ถูกย่อยสลายเหมือนคนปกติ ทำให้มันไปจับเส้นเลือดและทำให้เส้นเลือดตีบ แข็ง จนเกิดการอุดตัน และอาจทำให้เกิดแผลขึ้นเอง ผู้เขียนเคยรู้ได้คุยกับคุณแม่เพื่อน ที่มีบาดแผลที่ฝ่าเท้า และไม่หายสักที คนที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีความเสี่ยงของการเกิดบาดแผลที่เท้ามากที่สุด เพราะเนื้อเยื่อไปเลี้ยงไม่ถึง ซึ่งพอเป็นแผลปั๊บ จะหายยาก หายช้ากว่าคนปกติ เพราะหลอดเลือดตีบ ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง ระบบการรักษาต่าง ๆ ก็เลยไม่ดีเท่าที่ควร บางท่านคงเคยได้ยินว่า คนเป็นเบาหวาน แล้วเกิดบาดแผลลุกลามเป็นแผลใหญ่ จนอาจถึงขั้นตัดขา หรือเสียชีวิตได้ และนี่คือเหตุผล ผู้ป่วยเบาหวานต้องได้รับการดูแลบาดแผลอย่างใกล้ชิดมากที่สุด
เป็นโรคเบาหวาน ควรเลี่ยงอาหารประเภทใด ?
หยิบข้อนี้มาเขียน ถือว่า พูดง่ายแต่ทำยาก (สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีวินัยในการเลือกทานอาหาร ทำให้บางท่าน จำต้องทานยาลดเบาหวานทุกวัน) อาหารที่ต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานน้ำตาลสูงมาก แน่นอนว่า มันจะเข้าไปทำให้น้ำตาลในเลือดสูง แถมมันจะทำให้ ไขมันในเลือดสูงตามมาอีกด้วย มีอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ :-
-
ขนมหวาน
หยิบมาไว้ข้อแรก และเป็นขนมหวานที่ชาวเบาหวานชื่นชอบรับประทานอย่างมาก เช่นพวกขนมทองหยิบ ทองหยอด กล้วยบวชชี ขนมตาล ขนมชั้น เบเกอรี่ เค้ก คุกกี้ โดนัท ฯลฯ เขียนไม่หมดค่ะ เพราะเยอะมาก ทานปั๊บ ระดับน้ำตาลพุ่งเลย !
-
ผลไม้รสหวาน
ผู้เขียนเคยได้ยินเพื่อนท่านหนึ่งบอกว่า “หลบมาทานผลไม้แล้วนะ น้ำตาลยังขึ้นเลย” ผลไม้ที่มีรสหวาน เช่น พวกทุเรียน น้อยหน่า แตงโม ขนุน ละมุด มะขามหวาน รวมไปถึงผลไม้แพคสำเร็จ และผลไม้แปรรูป ซึ่งจะมีน้ำตาลสูงมากเช่นกัน
-
อาหารไขมันสูง
อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ไขมันสัตว์ เนื้อที่ติดมัน หมูสามชั้น เนื้อวัวติดมัน กุ้ง หอย (อันนี้คอเลสเตอรอลสูงมาก) และพวกอาหารกะทิ แกงคั่ว แกงกะทิ (ทุกชนิด) พยายามเลี่ยงเป็นดีที่สุด เพราะเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันในเลือดสูงอยู่แล้ว
-
เครื่องดื่มที่มีรสหวาน
ชานมไข่มุก กาแฟ น้ำอัดลมทุกชนิด เพราะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ให้พลังงานสูงมาก
เพียงเลือกทานอาหาร เพิ่มวินัยในการออกกำลังกาย เราก็สามารถอยู่กับโรคเบาหวาน ไม่ให้หวานเกินไปได้อย่างมีความสุข พบกันใหม่ ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ
……………..
(เครดิต : www.mydiabetes.diet.com, 10 best foods for diabetes, www.medicalnewstoday.com, theptarin.com, เทพธารินทร์, www.i-kinn.com)