“เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้แต่เพียงควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเท่านั้นเอง”
และเมื่อเป็นแล้วยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้อ่อนแอลง ผู้ป่วยเบาหวานหลายท่าน มักจะละเลยเรื่องอาหารการกิน เพราะคิดว่าเดี๋ยวกินยาก็คุมได้แล้ว ก็หายแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพราะเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถหายได้ หากเราหวังแต่พึ่งยา แต่ไม่ควบคุมอาหาร บอกได้เลยว่าส่งผลเสียกับร่างกายโดยตรง ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานต้องรู้จักควบคุมระดับน้ำตาลของตัวเองให้คงที่ โดยวิธีการลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำได้ไม่ยากด้วยการเลือกทานอาหาร
อาหารผู้ป่วยเบาหวาน
อาหารผู้ป่วยเบาหวานแบ่งง่าย ๆ ออกเป็น 3 ประเภท
1) อาหารที่ควรเลี่ยง
- น้ำตาลทุกชนิด เช่น น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทราย น้ำตาลก้อน น้ำตาลปี๊ป หรือแม้กระทั่งอยู่ในรูปแบบของน้ำผึ้ง รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสม เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม
- ผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้กวน (จะสังเกตุได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นผลไม้แปรรูปที่มีรสหวานจัด) เช่น มะม่วงกวน สัปปะรดกวน พุทราเชื่อม กล้วยตาก รวมถึงผลไม้กระป๋อง
- ผลิตภัณฑ์นม เช่น นมเปรี้ยว (น้ำตาลสูงมาก) นมข้นหวาน นมปรุงแต่งรสหวน โยเกิร์ตปรุงรส
- อาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว เช่นเมนูแกงกะทิทั้งหมด หมูสามชั้น ไขมันสัตว์ เนย ครีม ไขมันนม ฯลฯ
2) อาหารที่ทานได้แต่ต้องจำกัดปริมาณในการทาน
- กลุ่มอาหารจำพวกแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน บะหมี่ ผัดไทย อาหารเหล่านี้ จะถูกย่อยเปลี่ยนให้เป็นน้ำตาล และเจ้าตัวน้ำตาล ก็เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย จึงไม่ควรงด ควรทานให้เหมาะสมและพอดีอิ่มก็พอ หากผู้ป่วยเบาหวาน จำกัดอาหารมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำได้
- ผลไม้ พยายามหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวาน ผลไม้บางชนิดมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตไม่เท่ากัน และคาร์โบไฮเดรตในผลไม้ มักมาในรูปแบบน้ำตาล หวานน้อย หวานมาก แตกต่างกันไป
3) อาหารที่ทานได้ ไม่จำกัดปริมาณ
ข้อนี้ น่าสนใจมากสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ทานได้ไม่จำกัดปริมาณ นั่นคือ “ผัก” เนื่องจากผักมีแคลอรี่ต่ำ และมีเส้นใยอาหารสูงมาก ทำให้ดูดซึมน้ำตาลได้ช้า และใยอาหารยังช่วยดูดซับพลังงานน้ำตาล ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป ให้ร่างกายสามารถดึงพลังงานจากน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ทีนี้ ผู้อ่าน อาจมีคำถามแล้วว่า แล้วผักอะไรบ้างหล่ะ ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน แถมสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ด้วย (จะดีมากเลย) เรามาดูกันค่ะ
คนไทยกินผักน้อยลง
เราลองสังเกตจะเห็นว่า แต่ละสัปดาห์เรากินผักอยู่ในสำรับอาหารบ้างหรือไม่ ? มากน้อยเพียงใด ? ซึ่งนั่นอาจะทำให้เราเริ่มตระหนักว่า ทุกวันนี้ เรากำลังกินผักกันน้อยลงทุกที อาจเป็นด้วยวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ และวิถีการบริโภคแบบใหม่ ทำให้ผักอยู่ในมื้ออาหารคนไทยลดน้อยลง แม้ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (WHO) จะแนะนำให้เราควรบริโภคผักเฉลี่ย 400 กรัมต่อวัน แต่ความเป็นจริงกลับสวนกระแส เมื่อประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการเกษตร สามารถปลูกผักปีละมากกว่า 2 ล้านไร่ และมีผักที่ปลูกในแปลงมากกว่า 80 ชนิด ส่งออกปีละ 3 หมื่นล้านบาท กลับสำรวจพบว่า คนไทยยังคงบริโภคผักไม่เพียงพอ และไม่กี่ชนิด
และถ้าเราสามารถเลือกทานผัก ที่ช่วยลดปัจจัยลดน้ำตาลในเลือดได้ จะดีไม่ใช่น้อย เรามาดูกันสิค่ะว่า ผักอะไรบ้างที่สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
8 ผักลดน้ำตาลในเลือด หาซื้อง่าย ราคาถูก
-
ตำลึง
ตำราแพทย์แผนอายุรเวท ระบุไว้ว่า ตำลึง สามารถใช้ในการรักษาโรคเบาหวานได้แทบจะทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นราก เถา และใบ อีกทั้งยังเป็นสมุนไพร ที่มีประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีพอ ๆ กับโสม (เกาหลี) แค่เพียงรับประทานตำลึงเพียงวันละ 50 กรัม ติดต่อกันเป็นประจำ ก็สามารถช่วยควบคุมน้ำตาลได้เป็นอย่างดี
-
ผักเชียงดาว
ผักเชียงดาว เป็นผักพื้นบ้านของภาคเหนือ ในผักเชียงดาว มีสาระสำคัญในกลุ่มไตรเทอร์ปีนซาโปนิน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการส่งน้ำตาล ชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็ก นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน ส่วนวิธีการกิน สามารถทานได้ทั้งยอดอ่อน ใบอ่อน ได้เลย บางท่าน นำมาลวกพอสุก จิ้มน้ำพริกกิน ถือเป็นผักสุขภาพน่ารับประทาน
-
ผักหนานเฉาเหว่ย
ผักยอดฮิตของกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวาน ผักหนานเฉาเหว่ย เป็นผักพื้นบ้านที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี โดยผักหนานเฉาเหว่ย มีฤทธิ์ช่วยลดความเข้มข้นของระดับน้ำตาลกลูโกสในเลือด โดยสามารถ หยิบ เคี้ยวใบสด ๆ ของหนานเฉาเหว่ยได้เลย แต่ก็มีข้อแนะนำนิดนึงว่า ด้วยความที่ใบหนานเฉาเหว่ย มีลักษณะใบใหญ่ประมาณเกือบเท่าฝ่ามือ แนะกินไม่เกิน 3 ใบต่อวันก็พอ เพราะฤทธิ์ลดน้ำตาลของหนานเฉาเหว่ยสูง หากรับประทานมากเกินไป อาจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินเกณฑ์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ทานยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว (ผักหนานเฉาเหว่ย ที่บ้านผู้เขียนปลูกเช่นกัน และคุณพ่อหยิบทานสด ๆ ที่แปลงปลูกทุกวัน) ถือเป็นผักที่ปลูกง่าย ตายยากด้วยค่ะ
-
ใบชะพลู
ติดในลิสผักลดน้ำตาลในเลือดเรียบร้อยสำหรับใบชะพลู เป็นผักที่มีฤทธิ์ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย ช่วยกระตุ้นการนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้อีกด้วย ตำรับแพทย์แผนโบราณ แนะนำวิธีการทานใบชะพลู คือ ให้ใช้ชะพลูทั้งต้น (ถอนทั้งราก) จำนวน 7 ต้น มาล้างให้สะอาด จากนั้น นำมาต้มในน้ำเดือดสักพัก และกรองแต่น้ำมาดื่มเป็นชาชะพลู ลดน้ำตาลในเลือด เพราะชะพลู มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว หากดื่มมากเกินไป อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินเกณฑ์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ทานยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว
-
ใบกระเพรา
กะเพรา เป็นพืชผักสวนครัว ที่ทุกบ้านนิยมทานและคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยกะเพรามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดน้ำตาลในเลือดในระดับปานกลาง (ถ้าเทียบกับใบหนานเฉาเหว่ย จะลดน้ำตาลในเลือดได้มากกว่า)
-
ใบย่านาง
ใบย่านางมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่มาก และมีสารโพลีแซกคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ส่วนวิธีการกินใบย่านาง โดยนำเอาใบย่านางมา 10-20 ใบ มาคั้นกับน้ำประมาณ 1-3 แก้ว จากนั้นนำน้ำคั้นจากใบย่านางไปต้มแล้วกรองเอากากออกก่อนดื่ม
-
กระเจี๊ยบขาว
ถือเป็นอีกหนึ่งผักลดน้ำตาลในเลือดพื้นบ้าน กระเจี๊ยบขาวเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงมาก ที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด เพียงแค่นำกระเจี๊ยบขาวมาหั่นซอย ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เหนียวไว้รับประทาน ซึ่งการทานกระเจี๊ยบขาว ที่ไม่ผ่านความร้อนจะได้รับประโยชน์จากไฟเบอร์ในกระเจี๊ยบอย่างเต็ม เต็ม ค่ะ
-
เตยหอม
เตยหอม เป็นหนึ่งในตำรับยาแผนไทย เป็นผักลดน้ำตาลในเลือดที่ไทยโบราณใช้กันมายาวนาน โดยการใช้รากเตยหอม 1-2 ราก ต้มกับน้ำประมาณ 1-2 ลิตร แล้วดื่ม แต่ไม่แนะนำให้ดื่มแทนน้ำ ทั้งนี้ ควรหมั่นเช็คน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ เพราะรากเตยหอม เสริมฤทธิ์ยาลดน้ำตาลในเลือด อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการหน้ามืดจากภาวะน้ำตาลตกได้
มั่นใจว่า 8 ผักหาง่าย ต้องมีหนึ่งหรือสองรายการ ที่คุณผู้อ่านคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และบางบ้าน ก็ทำทานกันบ่อย ล้วนมีส่วนช่วยในการต้านโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น อยากรณรงค์ให้ทุกท่าน หันมาใส่ใจในการทานพืชผักสมุนไพรหาง่ายกันให้มาก ๆ และอย่าลืมออกกำลังกาย เพื่อการมีสุขภาพที่ดี พบกันใหม่ ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ
…………………….
(เครดิต : หมอชาวบ้าน, กองการแพทย์ทางเลือก (สสส.), www.i-kinn.com)