วันนี้มีความชัดเจนว่า การได้รับวิตามิน K อย่างเพียงพอนั้น เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระดูกที่แข็งแรง และช่วยลดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดอีกด้วย อย่างที่เราทราบกันดีว่า แคลเซียม มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่ทราบหรือไม่ว่า ถ้าขาดวิตามิน เค มีโอกาสส่งผลต่อกระดูกและอีกหลาย ๆ โรคที่จะเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว เพราะวิตามิน เค เป็นส่วนสำคัญกับกระบวนการทางเคมีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนเรามากมาย
วิตามิน เค คืออะไร ? (Vitamin K)
เป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป ร่างกายเราสามารถสังเคราะห์วิตามิน เค ขึ้นมาเองได้ และยังได้รับจากวิตามิน เค จากการรับประทานอาหารบางชนิด เราได้วิตามิน เค จากการกินอาหารเข้าไปในแต่ละวัน และยังได้รับแบคทีเรียในลำไส้ ที่สามารถสังเคราะห์วิตามินเค ขึ้นมาได้
วิตามิน เค มีกี่ประเภท ?
เราสามารถแบ่งประเภทของวิตามิน เค ที่สำคัญออกได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้ :-
- วิตามิน เค 1 (Vitamin K1) หรือฟิลโลควิโนน (Phylloquinone) เป็นรูปแบบที่พบในผักใบเขียว เช่น ผักโขม กะหล่ำปลี บร๊อคเคอรี่
- วิตามิน เค 2 (Vitamin K2) หรือเมนาควิโนน (Menaquinone) เป็นรูปแบบที่พบในเนื้อเยื่อที่ตับ และยังสามารถสร้างได้โดยแบคทีเรียในลำไส้ที่อาศัยอยู่ในร่างกาย มีประสิทธิภาพในการทำงานร้อยละ 75 ของวิตามิน เค 1
- วิตามิน เค 3 (Vitamine K3) หรือเมนาไดโอน (Menadione) นั้น เป็นสารประกอบที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็น เมนาควิโนน โดยตับ มีประสิทธิภาพเป็น 3 เท่าของวิตามิน เค 1 เป็นวิตามินชนิดที่ละลายได้ทั้งในน้ำ และในไขมัน ใช้สำหรับรักษาคนไข้ที่ไม่สามารถใช้วิตามิน เค ที่สร้างขึ้นที่ลำไส้ได้ เนื่องจากขาดน้ำดี หรือน้ำย่อยที่จำเป็นในการดูดซึม
คุณสมบัติของวิตามิน เค
วิตามิน เค มีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือเป็นน้ำมันสีเหลือง ปกติละลายได้เฉพาะในไขมันเท่านั้น ยกเว้น วิตามิน เค 3 ที่สามารถละลายในน้ำได้ด้วย วิตามิน เค เป็นวิตามินที่มีความคงทนต่อสภาวะความเป็นกรดได้ แต่จะไม่ทนต่อกรดแก่ หรือด่างที่ผสมแอลกอฮอล์ ดังนั้น หากเก็บรักษาวิตามิน เค ไม่เสื่อมสภาพ จะต้องเก็บในขวดสีน้ำตาลที่มีความทึบแสงเท่านั้น สำหรับวิตามินเค ประเภท Menadione จะมีลักษณะคล้ายผนึกเป็นสีเหลือง
แล้ววิตามิน เค ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไรหล่ะ ?
หลังจากมีการทานอาหารต่าง ๆ เข้าไปแล้ว วิตามิน เค ที่ได้จากอาหารจะถูกดูดซึมโดยลำไส้เล็กตอนบน โดยจะใช้น้ำดี และน้ำย่อยจากตับอ่อนมาช่วยในกระบวนการนี้ หลังจากนั้นจะถูกส่งต่อไปยังอวัยวะต่าง ๆ ที่จำเป็นในการสังเคราะห์โปรธรอมบิน และโปรตีนอื่น ๆ
สัญญาณเตือนร่างกาย “ขาดวิตามิน เค”
-
กระดูกและฟันมีปัญหา
ร่างกายจำเป็นต้องใช้วิตามินเค เพื่อช่วยให้แคลเซียมไปสะสมในกระดูกได้ดี ซึ่งทำให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดวิตามิน เค แน่นอนว่า อาการหลักย่อมเกิดความผิดปกติของกระดูกและฟัน และรุนแรงมากขึ้น เช่น การเกิดภาวะกระดูกพรุน ที่เสี่ยงต่อกระดูกอ่อนหัก กระดูกบิดเบี้ยวผิดรูป หลังโก่งงอ
-
กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อย
บางครั้งเราอาจไม่สนใจว่า เป็นเพียงกล้ามเนื้อกระตุก หรือตะคริวที่บริเวณกล้ามเนื้อทั่ว ๆ ไป แต่หากเป็นการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ หรือ อวัยวะภายในอื่น ๆ จะส่งผลให้ระดับความดันเลือดปั่นป่วนได้
-
เลือดกำเดาไหลบ่อย เลือดหยุดยาก
เมื่อเกิดบาดแผลเลือดจะหยุดไหลช้าผิดปกติ ไม่แข็งตัว หรือไหลไม่หยุด ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด จะอันตรายมากขึ้น ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ หรือต้องผ่าตัด อีกทั้งยังส่งผลให้เส้นเลือดเปราะ และแตกง่าย อีกด้วย
วิตามิน เค กับการป้องกันภาวะกระดูกพรุน
โดยปกติร่างกายมีการสร้างกระดูก โดยใช้เวลาประมาณ 4 เดือน และการสลายกระดูกที่เวลา 4 อาทิตย์ เพราะฉะนั้น ถ้าเราสังเกต จะเห็นว่า การสลายกระดูกไวกว่าการสร้างกระดูก ดังนั้น การชะลอการสลายกระดูก และเร่งการสร้างกระดูก จึงลดปัญหากระดูกพรุนได้ วิตามิน เค จึงทำหน้าที่นการกระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก และเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม เพื่อเป็นอะไหล่ในการเร่งการสร้างกระดูกอย่างต่อเนื่อง และที่มากกว่านั้นคือ ยังช่วยยับยั้งเซลล์สลายกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้
อาหารที่มีวิตามิน เค สูง
อาหารที่มีวิตามิน เค สูง ได้แก่ ชาเขียว ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า แตงกวา กุยช่าย กวางตุ้ง และผลไม้กลุ่มตระกูลเบอรรี่ องุ่น กีวี และเมล็ดถั่วที่มีวิตามิน เค สูง เช่น ถั่วหมักญี่ปุ่น ในรูปแบบอาหารเสริม ก็หาซื้อได้ง่ายในท้องตลาด ซึ่งจะมีสารสกัดนัตโตะไคเนสเข้มข้น และวิตามิน เค 2 ช่วยดูแลกระดูก ขณะเดียวกันยังช่วยป้องกันการแตกหักในผู้สูงอายุด้วย
………………………….
(เครดิต : www.nutritionthailand.com.nutrition/วิตามิน/373-vitamin-k-menadione, podpad.com, www.i-kinn.com)