มีครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสนั่งรับประทานอาหารกับพี่โก๋ หรือคุณณัฐศักดิ์ โรจนพิเชษฐ ผู้บริหารมากประสบการณ์ที่เคยผ่านองค์กรระดับโลกมามากมายเช่น ออราเคิล และ เคพีเอ็มจี โดยหนึ่งในหัวข้อพูดคุยนั้นคือการชวนคิดว่าเราทุกคนจะเป็นผู้นำแห่งคุณค่าที่จะช่วยสังคมและผู้อื่นไปด้วยได้อย่างไร
.
มีครั้งหนึ่งคุณณัฐศักดิ์ได้พาจอห์นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ใน 5 ของโลกมาร่วมนั่งคุยด้วยกัน และเปิดโอกาสให้พูดคุยแลกเปลี่ยน และถามเรื่องที่อยากรู้ได้เท่าที่อยากถาม จอห์นดูแลพนักงานกว่า 20,000 คนทั่วโลกซึ่งนี่คือเบื้องหลังของอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เป็นตัวพ่อระดับโลกของอุตสาหกรรมเทคจริงๆ เมื่อเปิดโอกาสให้คำแนะนำแบบนี้ ผมก็ถือวิสาสะใช้หลักหัวใจนักปราชญ์ตามหลัก สุจิปุลิ เต็มที่ในการสนทนาที่มีคุณค่าและหาโอกาสได้ยากแบบนี้ โดยมีหนึ่งข้อที่ผมจดและจำใส่สมองไว้เป็นพิเศษก็คือ ถ้าผมอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะความปรารถนาส่วนตัวของผมในเรื่องความร่ำรวยนั้นจริงๆ ถ้าได้มามันก็ดี แต่ที่ผมอยากจะได้มากกว่าคือการได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นได้ในชีวิตนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะเจอแต่ความล้มเหลวจากการผจญภัยออกนอกพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองที่บ่อยและมากเนไป และยิ่งถ้าทุ่มสุดตัวแต่สุดท้ายก็ไม่ได้รางวัลอย่างที่ต้องการเป็นสิ่งตอบแทนแล้วทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดก็อาจจะทำให้กลัวการเปิดรับเป้าหมายใหม่ๆ ไปเลย
.
แล้วผมควรจะอยู่ร่วมกับความอยากนี้อย่างไรดี? จอห์นโพล่งคำแรกออกมาว่า “Sometimes happy, never satisfied” เอาตรงๆ ด้วยไม่รู้ว่าด้วยเพราะประสบการณ์ชีวิตที่อาจจะมียังไม่มากนักหรือเปล่าเลยฟังแล้วไม่เข้าใจ ผมเลยถามทวนกลับไปว่า คำตอบนี้มันแปลว่าอะไรต่อคำถามของผม จอห์นอธิบายต่อเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมเอามาแปลเป็นภาษาไทยว่า:
“การออกนอกพื้นที่ปลอดภัย (comfort zone) นั้นมันทำให้เราเติบโตขึ้น และชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆก็เริ่มจากตรงนั้น ซึ่งเราควรโอบกอดทุกอย่างในชีวิตว่ามันคือสิ่งที่น่าขอบคุณและภาคภูมิใจว่าไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร เราก็ผ่านมันมาได้ ผมเป็นนักฟุตบอลในสมัยวัยรุ่น และผมเชียร์ทีมบ้านเกิดของผมคือทีมกลาสโกลว์ เรนเจอร์ส (Glasglow Rangers) ผมอยากให้คุณใช้ชีวิตที่ออกนอกพื้นที่ปลอดภัยเหมือนการลงแข่งฟุตบอลของผม เวลาผมเตะฟุตบอล ผมไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว หรือตัวใหญ่ขนาดไหน เวลาที่ผมจะแท็กเกิล ผมจะแท็กเกิลสุดกำลังที่ผมมีโดยไม่กลัวว่าผมจะต้องเจ็บหรือไม่ ที่สำคัญคนสูง 6 ฟุต 8 เวลาพุ่งสไลด์เข้าหาบอลมันก็สูงจากพื้นดินเท่ากับผมนั่นแหละ และเมื่อผมแท็กเกิลอย่างเต็มที่แล้ว ผมก็จะไม่เสียใจว่าผลมันจะเป็นอย่างไร
.
ชีวิตมันก็เหมือนทีมฟุตบอล บางแมชคุณลงแข่งแล้วชนะ คุณดีใจแค่วันเดียว พรุ่งนี้คุณก็ต้องเตรียมลงแข่งใหม่อีกแล้ว มันไม่ใข่ว่าเราจะไม่สามารถดีใจกับชัยชนะได้ แต่กับชีวิต เรามีความสุขกับชัยชนะเท่าที่เราได้รับ แต่อย่าหยุดเพราะพอใจแล้ว ดังนั้นผมจึงอยากบอกคุณว่า การใช้ชีวิตที่โลดโผนของคุณนั้น มันน่าอเมซซิ่งมากๆ และเท่าที่ผมรู้จักคนมามากมาย ผมอยากบอกว่าคุณควรภูมิใจในเส้นทางที่คุณได้ทำเพราะคุณผ่านมันมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นทำให้คุณกลายเป็นคุณในทุกวันนี้ เมื่อได้ชัยชนะ คุณก็สุขกับมันเท่าที่เป็นไปได้ เมื่อพ่ายแพ้ก็แค่เตรียมตัวสำหรับแมชต่อไป แต่ทั้งหมดทั้งมวล อย่าหยุดตัวเองเพราะแค่ว่าพอใจแล้ว สุดท้ายก่อนจะจบมื้ออาหาร จอห์นทิ้งท้ายบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า ขอให้จำคำผมไว้ว่า
Sometimes happy, never satisfied”
~ มีความสุขในบางที แต่อย่าหยุดแค่พอใจ
สำหรับผมแล้ว นี่ถือเป็นคำแนะนำที่ช่วยเปิดมุมมองที่มีต่อการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดอันหนึ่งที่ผมได้เคยรับมาเลยทีเดียวครับ และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านและผู้ที่ติดตามเพจทะยานของผมนี้ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ
…………..