ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายปีที่ผ่านมีคนไทยเสียชีวิตด้วย “โรคร้ายแรง” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลของแต่ละโรค ก็หนักหนาสาหัสมากคืออยู่ในระดับสูง (มาก) นั่นเอง จากสถิติการเสียชีวิตของคนไทย ซึ่งมีสาเหตุมาจาก 3 กลุ่มโรคร้ายแรง และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดจำนวนลง ในทางกลับกัน มีอัตราตัวเลขเติบโตสูงขึ้นทุกปี เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง :-
-
โรคมะเร็ง
เหมารวมทุกโรคมะเร็งกันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม โดยโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดติดอันดับ 1 คือมะเร็งตับ ซึ่งโรคเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นโรคจากการใช้ชีวิตประจำวันแบบผิด ๆ ของคนยุคใหม่ หรือเรียกแบบทันสมัยหน่อย ยุคเอไอ การรักษาโดยวิถีสมุนไพรธรรมชาติ หรือแบบชีวจิต ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีรักษามะเร็ง ที่ถูกคิดค้นมาเพื่อป้องกันและรักษามะเร็ง
-
โรคหลอดเลือดหัวใจ
หยิบมาไว้เป็นอันดับ 2 (แต่อยากจะบอกว่า อัตราตัวเลขที่สูงขึ้นทุกปี วิ่งไล่มาติด ๆ กับโรคมะเร็ง) โรคหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมที่มักทานอาหารที่มีไขมันสูง ไม่ชอบออกกำลังกาย สูบบุหรี่จัด ดื่มเหล้า-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด ปล่อยตัวเองอ้วนฉุ แถมเคร่งอยู่กับงานตลอดทั้งวัน (เผลอ ๆ อาจจูงโรคเบาหวานมาอีกหนึ่งโรค) สาเหตุของโรค เกิดจากการที่ไขมันไปอุดตันในเลือด หรือ เกาะผนังของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ จนตีบ และ แคบลง ทำให้หลอดเลือดมีอาการอักเสบ ร่างกายจึงต้องส่งเม็ดเลือดขาวมาทำการซ่อมแซม ก็ยิ่งทำให้เม็ดเลือดเหล่านี้ เข้าไปอุดตันทางเดินเลือด จนเลือดไม่อาจถูกส่งไปเลี้ยงหัวใจได้ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหายจากการขาดเลือด ส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน เสียแก่ชีวิตอย่างรวดเร็ว
-
โรคเบาหวาน
รั้งอันดับ 3 ไว้อย่างชัดเจนทุกปี ว่าด้วยโรคเบาหวาน เป็นโรคที่ร่างกายสร้างฮอร์โมนอินซูลินมากเกินไป จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ร่างกายจึงสามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม และตับอ่อนทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ จนไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้งานได้ เป็นผลให้น้ำตาลค้างอยู่เลือดสูง
หยิบมาเฉพาะที่ติดอันดับในประเทศไทยเพียง 3 โรค และส่วนใหญ่ผู้ป่วย 3 โรคนี้ มักจะเลี่ยงยาเคมีหรือยาแผนปัจจุบัน แต่มักแสวงหากลุ่มนิวตร้าซูติคอล มาทาน ผู้เขียนเคยมีเพื่อนที่ป่วย 1 ใน 3 ของโรค (ที่กล่าวมาด้านบน) เธอให้คำอธิบายว่า ทานยาแผนปัจจุบัน (ยาเคมี) จะมีอาการข้างเคียงเยอะมาก เช่น ปวดตามกล้ามเนื้อ (แบบชนิดไม่ใช่ปวดธรรมดา) เธอบอกว่า ปวดไปถึงกระดูกเลยทีเดียว ทำให้เธอเสาะแสวงหาอาหารเสริมกลุ่มนิวตร้าซูติคอลมาทาน และทุกวันนี้ เธอใช้ชีวิตได้ดีขึ้น จนเป็นปกติอยู่กับโรคได้อย่างปลอดภัยด้วยเหตุผลนี่หล่ะคะ
แล้วสมุนไพรหล่ะ ปลอดภัยไหม ?
ก่อนอื่น ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เวลาเราพูดถึง “ยาสมุนไพร” คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่สมุนไพรที่เป็นพืชเท่านั้น ความจริงแล้ว ยาสมุนไพร หมายถึง รวมถึงยาที่ได้จากส่วนของพืชและสัตว์ และแร่ที่ยังไม่ได้ผสม ปรุง หรือแปรสภาพ (พระราชบัญญัติ พ.ศ.2510) (ยกเว้นการทำให้แห้ง) เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ต้น ใบ ผล ซึ่งยังไม่ได้ถูกบด หั่น หรือ สกัดเอาสาระสำคัญออกไป นอกจากพืชสมุนไพร ที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ แล้ว พืช ผัก ผลไม้นานาชนิดที่เรารับประทานกันเป็นทั้งอาหาร และยารักษาโรคไปในขณะเดียวกันด้วย และที่สำคัญคือว่า สมุนไพร แม้จะเป็นสิ่งที่มาจากธรรมชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีอันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะที่สุดหากใช้ไม่ถูกต้อง ใชไม่ถูกกับอาการของโรค ไม่ถูกโรค ใช้ปริมาณไม่เหมาะสม หรือใช้กับผู้แพ้สมุนไพรบางชนิด ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายที่ไม่คาดคิดได้
นิวตร้าซูติคอล (Nutraceutical) คืออะไร ?
ในยุค 2021 คำว่า Nutraceutical ไม่ใช่ศัพท์ที่เพิ่งบัญญัติใหม่ ขอเล่าแบบเข้าใจง่าย ๆ ถ้าย้อนกลับไปนับพันปี ที่มนุษย์เราได้สะสมองค์ความเกี่ยวกับอาการการกิน เรารู้จักที่จะกินอาหารบางอย่าง และหลีกเลี่ยงไม่กินอาหารบางอย่างในบางเวลา ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสุขภาพ องค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการใช้อาหารเพื่อป้องกัน รวมไปถึงการรักษาโรค ได้ถูกรวบรวมและพัฒนามาตลอดระยะเวลาหลายพันปี จนในปัจจุบันเราเรียกผลผลิตของวิทยาศาสตร์แบบนี้ว่า “นิวตร้าซูติคอล” ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นในปี 1989 โดย Stephen L.Defelice ผู้ก่อตั้ง The Foundation Of Innovation Medicine ซึ่งคำว่า นิวตร้าซูติคอล นั้นมาจากการผสมคำระหว่าง “Nutrition” และ “Pharmaceutical” จุดประสงค์เพื่อเป็นการเรียนรู้ความลับของธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหาร หรือที่เราเรียกว่า ซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood) เพื่อจะแสวงหาอาหารที่เป็นคำตอบสำหรับการมีสุขภาพยืนยาว อย่างยั่งยืน
นิวตร้าซูติคอล (Nutraceutical) = โภชนบำบัด ชะลอความเสื่อมของเซลล์
ไม่มีแพทย์คนใด สามารถดูแลร่างกายเราเท่ากับตัวเราเอง และยาที่ดีที่สุด นั้นก็คือ อาหารที่มีคุณค่า อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า “ทานอาหารให้เป็นยา อย่าทานยาเป็นอาหาร” องค์กรด้านสุขภาพประเทศแคนาดา ได้ให้คำจำกัดความของ Nutracutical ไว้อย่างชัดเจนขึ้น คือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอาหารที่ผ่านการสกัด หรือ แยกเป็นสารบริสุทธิ์ และขายในรูปแบบเหมือนยา และมีการพบประโยชน์ต่อร่างกาย หรือ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังได้”
ที่เราเห็นยาตามร้านขายยา เราจะสังเกตเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่ยา จะมีสารออกฤทธิ์ชนิดเดียวหรือสองชนิด มีขนาดใช้แน่นอนต่อครั้ง ส่วนใหญ่เป็นมิลลิกรัม และจะใช้ก็ต่อเมื่อมีอาการของโรคที่ต้องการผลการออกฤทธิ์ที่รวดเร็ว ซึ่งจะแตกต่างโดยชัดเจนกับ นิวตร้าซูติคอล กล่าวคือ นิวตร้าซูติคอล จะเป็นสารองค์ประกอลในอาหารที่ผ่านการสกัดในรูปแบบที่เข้มข้น และนำมาพัฒนารูปแบบให้เป็นเม็ด (Tablet) หรือ แคปซูล (Capsule) ซึ่งมีรูปแบบคล้ายยา มีจุดประสงค์หลัก เพื่อใช้ป้องกันการเกิดโรคและส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น ปัจจุบัน มีหลายแบรนด์ที่นำเอาสมุนไพรธรรมชาติมาสกัดเข้มข้น อยู่ในกลุ่ม นิวตร้าซูติคอลNutraceutical ยกตัวอย่าง วันก่อนเพื่อนผู้เขียนเล่าให้ฟังอย่างน่าสนใจว่า เธอได้รับประทาน ถั่วนัตโตะสกัดอยู่ในแคปซูลอยู่เป็นประจำ (สารสกัดในถั่วนัตโตะ ชื่อว่า นัตโตะไคเนส – Nattokinase) เพื่อมาช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ได้เห็นผลชัดเจน ภายในระยะเวลาแค่เพียงหนึ่งเดือน หรืออีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สารสกัดในเมล็ดองุ่น คือสารกลุ่มโอลิโกเมอริค โปรแอนโทไซ เป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) บรรจุในแคปซูลใส อย่างนี้เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ภัยเงียบที่ซ่อนตัว มันอยู่ในพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดปกติของเรานั่นเอง เร่งทำงาน ไม่ใส่ใจในการเลือกทานอาหาร ละเลยการออกกำลังกาย หรือดูแลร่างกายอย่างดีแล้ว แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกปี ภูมิคุ้มกันน้อยลง ทำให้ยุคนี้ คนส่วนใหญ่จึงหันมาสนใจ นิวตร้าซูติคอล (Nutraceutical) ซึ่งก็น่าจะเป็นทางออกที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ พบกันใหม่ ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ
…………….
(เครดิต : https://www.honestdocs.co/top-10-deadly-diseases-thai-people, http://ncbi.nlm.nih.gov/pmv/articles/PMC2750935, www.i-kinn.com)
Anonymous
February 5, 2021เคยได้ยินหมอพูดนิวต้าซุติคอลแต่ไม่ค่อยเข้าใจ บทความนี้ให้ความเข้าใจดีมาก ขอบคุณคับ