กินผักเยอะเกินไป ถือว่าเป็นอันตรายหรือไม่? เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยกันใช่มั้ยคะว่า ทำไมการกินผักจึงเป็นอันตรายกับเราได้ กินผักเยอะ ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ จริงอยู่ค่ะที่ว่าการกินผักนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากผักจะให้สารพัดคุณประโยชน์แล้ว ก็ยังเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการขับถ่ายอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะไม่รับประทานเจ้าใบเขียวพวกนี้ แต่ในอีกทางหนึ่ง การรับประทานผักแบบผิดวิธีก็นำมาซึ่งผลข้างเคียงที่หลาย ๆ คนอาจคาดไม่ถึง ในบทความนี้ I-Kinn จึงมีคำตอบมาฝากค่ะ
กินผักเยอะเกินไป อันตรายไหม ส่งผลข้างเคียงอย่างไรต่อร่างกายบ้าง?
ขึ้นชื่อว่าผักและผลไม้ถือได้ว่ามีประโยชน์มากมายกับร่างกายของเรา เพราะเป็นแหล่งสะสมของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดและมีคุณสมบัติเป็นแหล่งใยอาหารซึ่งจะเป็นสารที่ช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและไขมัน อีกทั้งยังช่วยทำให้ระบบการย่อย รวมถึงระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ผักและผลไม้บางชนิดยังมีสารพิเศษที่ช่วยทำหน้าที่ช่วยป้องกันและรักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย ซึ่งก่อนที่เราจะไปศึกษากันว่าการทานผักมากเกินไปส่งผลต่อร่างกายยังไง เรามาทราบถึงประโยชน์ของการทานผักกันก่อนค่ะ
ทำไมต้องกินผัก?
ประโยชน์ของการทานผักนั้น สามารถแบ่งออกได้หลายประการค่ะ เช่น
-
การทานผักมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
ทำให้เราขับถ่ายง่าย สะดวก เพราะผักมีวิตามินบี 3 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ไนอาซิน” ที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อระบบขับถ่ายทำงานดีส่งผลให้เราถ่ายได้คล่องขึ้นและส่งผลให้ผิวเราใสขึ้นตามไปด้วยเพราะร่างกายได้ขับของเสีย
-
การทานผักช่วยให้เราได้รับสารอาหารและแร่ธาตุมากมายหลายชนิด
สำหรับคนที่ไม่ค่อยทานผักจะสังเกตตัวเองได้เลยว่า ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยบ่อย ไม่สบายบ่อย ผักนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยต้านแบคทีเรีย ลดสาเหตุที่ทำให้เราป่วยง่าย จึงต้องทานวิตามินซีเวลาที่เราเป็นหวัด การทานวิตามินซีช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส และในผักมีวิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยให้มีความจำดีอีกด้วย
-
ผักมีส่วนช่วยในการป้องกันโรค
ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความดัน โรคเกี่ยวกับลำไส้และตับ หรือโรคต่าง ๆ อีกมากมาย เมื่อเราอายุมากขึ้น เซลล์ในร่างกายก็เสื่อมตามไปด้วย ถ้าหากเรารับประทานผักเป็นประจำและทานอย่างต่อเนื่อง ผักจะมีส่วนช่วยฟอกเลือดให้เลือดของเราสะอาด เมื่อเลือดของเราสะอาด เวลาร่างกายนำไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายก็จะช่วยต้านการเสื่อมสภาพของเซลล์
หากไม่ทานผักเลย จะเกิดผลข้างเคียงอย่างไรกับร่างกายบ้าง?
การที่ร่างกายขาด “วิตามิน” และ “ใยอาหาร” จากผักสด ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุธรรมชาติ ทำให้เราเสี่ยงต่อโรค NCDs มากมาย และ ขาดตัวช่วยที่จะทำหน้าที่เหมือนไม้กวาดมาช่วยกวาดของเสียในลำไส้
การไม่กินผัก ทำให้เราเสี่ยงต่อโรคและอาการป่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- โรคอ้วน: จากส่วนเกินของไขมัน
- โรคหลอดเลือดหัวใจ: เพราะไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด
- มะเร็งลำไส้: จากอาการลำไส้เป็นแผล
- อาการท้องผูก: จากการขาดเส้นใยอาหารในผัก
ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวมา หลาย ๆ คนคงทราบแล้วว่าการรับประทานผักนั้นมีประโยชน์กับเราอย่างไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลด้านบนนั้นคือประโยชน์ของการรับประทานผักแบบ “พอดี” ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นผลเสียของการรับประทานผักที่มากเกินไป จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ
กินผักเยอะ ๆ อันตรายไหม?
การรับประทานผักมากเกินไปจนเกิดผลเสียต่อร่างกายนั้น จะเป็นกับผักบางชนิดเท่านั้นค่ะ เพราะในผักบางตัวก็มีสารบางอย่างที่ร่างกายรับได้ในปริมาณที่พอดีเท่านั้น ซึ่งหากได้รับมากเกินไปก็อาจมีอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น
กินผักเยอะ ท้องอืด
การทานผักที่มีเส้นใยสูงในปริมาณมาก ผักที่มีเส้นใยสูง ร่างกายจะย่อยยาก ต้องใช้แบคทีเรียในลำไส้ช่วยย่อยซึ่งจะทำให้เกิดกรดบางอย่าง ซึ่งหากรับประทานผักคราวละมาก ๆ ก็จะทำให้ท้องอืดได้
กินผักเยอะแต่ไม่ถ่าย
ที่เป็นเช่นนี้เพราะโปรไบโอติกนั้นมีส่วนช่วยในการทำงานของลำไส้ โดยทำหน้าที่สังเคราะห์กรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ผลิตแก๊สที่ช่วยผลักดันอุจจาระและขจัดเชื้อโรคออกจากลำไส้ ทั้งยังช่วยเพิ่มมวลและความนุ่มให้แก่อุจจาระ ทำให้ขับถ่ายได้สะดวก ซึ่งในลำไส้เรานั้นประกอบไปด้วยแบคทีเรียหลายร้อยชนิด มีทั้งชนิดที่ดี ชนิดที่เป็นกลาง และชนิดที่ไม่ดี หากมีแบคทีเรียชนิดไม่ดีอยู่ในลำไส้มาก แบคทีเรียชนิดที่เป็นกลางก็จะเข้าไปเป็นพวกด้วย ทำให้แบคทีเรียชนิดดี (หรือโปรไบโอติก) อ่อนแอ หน้าที่ช่วยกระตุ้นการทำงานลำไส้ที่เคยทำงานได้ดีก็จะบกพร่อง ผลที่เกิดขึ้นก็คือขับถ่ายไม่ดี ขับถ่ายยาก ไปจนถึงท้องผูกนั่นเองค่ะ
กินผักแล้วถ่ายเหลว
ส่วนใหญ่แล้วการถ่ายเหลวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทานผักค่ะ เพราะแม้ว่าผักจะมีส่วนในการช่วยกระตุ้นการถ่ายก็จริง แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการถ่ายเหลวนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่พบได้บ่อย ได้แก่ การติดเชื้อแบคทีเรียจากการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดตามสุขอนามัย หรืออาหารที่ไม่ปรุงสุก การติดเชื้อไวรัสและมีพยาธิในลำไส้ การไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนทำการปรุงหรือรับประทานอาหาร เสียมากกว่า ดังนั้น หากเกิดจากผักจริง ๆ ก็มักจะเป็นเพราะผักที่ซื้อมาไม่มีความสะอาด ไม่ใช่เพราะไฟเบอร์จากตัวผักค่ะ
จะเกิดอะไรถ้าเรากินแต่ผักทุกวัน?
วิตามิน และเกลือแร่ที่สำคัญบางส่วนหายไป
ยังมีวิตามิน และเกลือแร่บางส่วนที่มาจากเนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ (นม ชีส) เช่น วิตามินบี 12 ที่มีความสำคัญต่อระบบประสาท และสมอง หรือธาตุเหล็ก ที่มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด ป้องกันโลหิตจาง ดังนั้น หากรับประทานแต่ผักมาก ๆ ก็จะทำให้เราขาดแร่ธาตุที่จำเป็นต่าง ๆ เหล่านี้ไปค่ะ
ร่างกายได้รับสารอาหารไม่สมดุล
แม้ว่าผักผลไม้จะมีใยอาหาร เกลือแร่ และวิตามิน รวมไปถึงคาร์โบไฮเดรต แต่ยังขาดโปรตีน และไขมันที่ดีต่อร่างกายที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์อยู่มาก ดังนั้น เราจึงไม่ควรขาดสารอาหารเหล่านี้ที่มีส่วนช่วยในการสร้างเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและให้พลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันค่ะ
พลังงานไม่เพียงพอ
หากเราขาดโปรตีน และไขมันที่เพียงพอ นั่นอาจทำให้ร่างกายของเราไม่แข็งแรง ไม่มีเรี่ยวแรง กล้ามเนื้อลีบแบน และไม่มีพลังงานมากพอให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ หากจะทานผักผลไม้ล้วน ๆ เพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอใน 1 วัน ฉะนั้นจึงไม่ควรขาดการรับประทานเนื้อสัตว์เพราะจะทำให้เกิดภาวะพลังงานไม่เพียงพอดังที่กล่าวไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม การรับประทานผักนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้บริโภคต้องเลือกรับประทานในปริมาณที่ถูกต้องและทานอย่างถูกวิธีด้วยจึงจะสามารถสร้างสมดุลให้แก่ร่างกายได้ ซึ่งจะเห็นได้จากข้อมูลที่กล่าวไปว่าประโยชน์ต่าง ๆ ของการทานผักนั้นมาจากการทานที่ถูกต้องและพอดี ดังนั้นจึงไม่ควรทานมากหรือน้อยเกินไปนะคะ เพื่อความสมดุลของร่างกายค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
ผักที่กินแล้วอ้วน ลดน้ำหนักอยู่ควรเลี่ยง ยิ่งกินยิ่งอ้วน
ผักอบกรอบมีประโยชน์จริงไหม กินเพื่อลดน้ำหนักได้จริงหรือเปล่า?
สารกลูตาเมตในผัก วัตถุดิบธรรมชาติ ผักที่ใช้ทดแทนผงชูรส มีอะไรบ้าง