วิกฤติโควิด19 (Covid 19) เป็นโรคระบาดที่เชื่อว่าเมื่อเอ่ยชื่อขึ้นมาแล้วไม่มีคนที่ไม่รู้จัก และวันก่อนขณะที่ผู้เขียนกำลังปั่นงานเพื่อส่ง บก. หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านบทความที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ โลกหลังวิกฤต COVID 19 ซึ่งน่าสนใจมาก จะมีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลง และแน่นอน หนึ่งในนั้นคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจความปลอดเชื้อ (Hygiene) กันมากขึ้น เลยขอโอกาสแชร์บทความของ ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, CFP ติดตามอ่านกันเลยค่ะ
วิกฤติโควิด19 ที่ส่งผลต่อโลกทั้งใบ
ในระหว่างการเกิด วิกฤติโควิด19 ขึ้นนี้ ทุกคนก็คงพอจะเห็นแล้วว่ าโรคระบาดนี้ทำให้เกิดความเสี ยหายที่รุนแรงไปทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่เรื่องการเจ็บป่ วยและเสียชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่การป้องกันโดยใช้มาตรการสร้ างระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ทำให้ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงั กด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสั งคมครั้งใหญ่ สิ่งที่ตามมาที่เราเห็นก็คื อการว่ างงานจำนวนมหาศาลเพราะหลายธุรกิ จต้องหยุดหรือชะลอการดำเนินงาน มีการคาดการณ์ว่าการเติ บโตทางเศรษฐกิจจะติดลบอย่างมาก และคงเป็นไปอย่างนี้จนกว่าจะได้ มีการผลิตวัคซีนหรื อยาออกมาปราบไวรัสตัวนี้ ซึ่งทางวงการแพทย์เองต่างก็ คาดว่าจะอยู่ในช่วงประมาณ2ปีต่ อจากนี้ ซึ่งใในระหว่างนี้ทุกประเทศก็ คงบอบช้ำกันไปตามๆกัน
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ จำนวนมากเชื่อว่า โลกหลังวิกฤติ Covid19 จะเปลี่ยนไปจากเเดิมอย่างแน่นอน เพราะถ้าสังเกตดู ระหว่างวิกฤติCovid19นี้ มีหลายอย่างที่ทำให้ชีวิตผู้ คนเปลี่ยนไป และอาจไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลั กษณะพื้นฐาน ( Fundamental Changes) ในชีวิตและสังคมของมนุษย์ จนหลายๆคนเชื่อว่า เรากำลังก้าวไปสู่โลกใหม่ ( A New World) ในตอนที่1นี้ ผมขอนำข้อคิดวิเคราะห์และข้อสรุ ปจากบทความในนิตยสาร Forbes , 7 April 2020 ชื่อ “The New World : How The World Will Be Different After COVID19” ซึ่งเขียนโดย Suzy Taherian ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญของการเปลี่ ยนแปลงไว้ 8 ประการดังนี้ :-
โลกเปลี่ยนไปเพราะ วิกฤติโควิด19 อย่างไร?
1) ธุรกิจจะหันมาใช้คู่ค้ าในประเทศมากขึ้น (Supply chains will be local rather than global
ในช่วงเวลาที่ผ่ านมาโลกพยายามเปิดเสรีทางการค้ าและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่ อมโยงกันในระดับGlobal ตัวอย่างเช่นการสร้างการค้ าขายแบบ Online Shopping ซึ่งทำให้เกิดคู่ค้าที่เกี่ยวข้ องไปทั่วโลก ทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภค แบบไร้พรมแดน แต่การมาของไวรัส Covid19 ถือว่าได้เข้ามาทำลายห่วงโช่อุ ทานระหว่างประเทศ บริษัทในประเทศที่เคยพึ่งพิง Foreign Suppliers เกิดความเสี่ยงที่ไม่สามารถค้ าขายกันได้ระหว่างเกิดโรคระบาด ต้องหันมาทบทวนการลดความเสื่ ยงลงโดยหันมาใช้ Local Suppliers มากขึ้น แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม
2) ร้านค้าปลีกจะหันมาค้ าขายแบบออนไลน์มากขึ้น(Shop, work and play online)
ระหว่างที่เกิดโรคระบาดจะเห็ นได้อย่างชัดเจนว่า ร้านค้าปลีกในลักษณะ Physical Stores เริ่มสูญเสียอำนาจการแข่งขั นไปให้กับ Online Shopping เพราะผู้คนเกิดความไม่ สะดวกในการออกไปจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งโดนมาตรการปิดเมืองทำให้ ต้องปิดหน้าร้านระหว่างเหตุ การณ์ระบาดของโรค กลุ่มร้านค้าปลีกเหล่านี้ จำนวนมากในตอนแรกถือว่าปรับตั วกับการค้าขาย Online ได้ช้าที่สุด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้กลุ่มร้านค้าเหล่านี้ปรั บตัวมาทำ Online Commerce ได้เร็วขึ้น บรรดาร้านค้าเหล่านี้ ในอนาคตจะทำธุรกิจทั้งในแบบหน้ าร้านและ Online จะไม่มีทางหวนกลับไปทำการค้ าในลักษณะ In-store อย่างเดียว ผลกระทบที่ว่านี้นอกเหนือจากมี ต่อ Physical Stores แล้ว ยังส่งผลทางลบต่อบรรดาศูนย์ การค้าทั้งหลายที่เรียกว่า Commercial Real Estate ที่มีบรรดาร้านค้าต่างๆไปตั้ งอยู่ในนั้นก็จะต้องปรับตั วตามไปด้วย
3) การฟื้นฟูความเชื่อมั่นต้องใช้ เวลา (Loss of trust will take time to recover)
เหตุการณ์โรคระบาดครั้งนี้ได้ ลดทอนความเชื่อมั่นของผู้บริ โภคไปทุกหย่อมหญ้า ลองคิดดูว่าต้องใช้เวลาอี กนานเท่าใดที่คนจะกล้ากลับไปขึ้ นเรือสำราญเพื่อท่องเที่ยวอี กครั้ง หรือการที่จะเปิดบ้านให้ลูกค้ าที่เป็นคนแปลกหน้าเข้ามาเช่าห้ องหรือเช่าบ้าน หรือบางประเทศที่ได้ผลกระทบมี คนติดเชื้อและเสียชีวิตเป็ นจำนวนมากจะกล้าเปิดประเทศอย่ างเต็มที่เพื่อรับนักท่องเที่ ยวอีก การฟื้นฟูความเชื่อมั่นนี้ต้ องใช้เวลา มีการคาดการณ์กันว่าจะใช้ เวลาไม่น้อยกว่า2ปีหลังวิกฤตินี้
4) ความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยี จะเพิ่มโอกาสให้แรงงานที่ปรับตั วได้ (Digital divide will become a chasm)
ความรู้และทักษะด้าน IT จะสำคัญมากในยุคต่อไป จะทำให้เกิดช่องว่างแบ่ งคนออกเป็นคนที่ใช้มันได้อย่ างคล่องแคล่วและคนที่ไม่ชำนาญ ซึ่งคนที่ปรับตัวและใช้ได้จะมี โอกาสได้งานมากกว่า ต่อจากนี้ไปคนจะเริ่ มทำงานและเรียนรู้ทาง Online กันมากขึ้น เพราะในช่วงโรคระบาดมันได้พิสู จน์แล้วว่าคนทำงานอยู่ที่ใดก็ ได้
5) การลงทุนจะหันมามุ่งเน้นกั บตลาดในประเทศมากขึ้น ( Home-bias will increase dramatically)
เหตุการณ์โรคระบาดนี้จะกระทบต่ อการลงทุนทั่วโลกเพราะทำให้ บรรดานักลงทุนหันมาทบทวนเกี่ ยวกับเรื่องความเสี่ยงว่า การลงทุนแบบใกล้บ้าน (Closer to home) น่าจะเข้าใจง่ายกว่ าการออกไปลงทุนไกลๆในประเทศอื่น นักลงทุนจึงถูกคาดการณ์ว่าจะหั นมาลงทุนในตลาดใานประเทศมากขึ้น
6) ระบบสวัสดิการทางสาธารณสุขจะถู กยกระดับมาตรฐานให้ประชาชน ( Healthcare for all becomes a more standard view)
ก่อนการเกิดโรคระบาด การออกสวัสดิการรักษาพยาบาลให้ แก่ประชาชนทุกคนที่เรียกว่า Universal Healthcare ถูกมองว่าเป็นความสิ้นเปลือง แต่เมื่อเกิดเรือง Covid19 และมีการพูดเรื่อง Free Testing ให้แก่ประชาชนทุกคน ก็อาจมีปัญหาว่าไม่ได้เตรี ยมการไว้และไม่มีงบประมาณเพี ยงพอ ในอนาคตรัฐบาลประเทศต่างๆจะหั นมาทำนโยบายสาธารณสุขให้มีลั กษณะ A Good Healthcare Systemซึ่งต้องใช้งบประมาณที่สู งขึ้น
.
7) การพัฒนาระบบสวัสดิ การแรงงานจะเข้มแข็งขึ้ นเพราะจะมีคนตกงานมหาศาลเป็ นเวลานาน (Unemployment benefit is not just for the lazy)
ในภาวะปกติของระบบเศรษฐกิ จเราอาจมีคนว่างงานอยู่จำนวนหนึ่ งซึ่งต้องยอมรับว่ามีคนที่ อาจจะไม่ค่อยขยันปนอยู่และต้ องการรับสวัสดิการช่วยเหลื อจากรัฐ แต่เหตุการณ์ Covid19 ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงั กของระบบเศรษฐกิจ แรงงานมีการตกงานจำนวนมากแบบที่ ไม่เคยมีมาก่อนและเข้ามาขอรั บความช่วยเหลือหรือเยียวยาจากรั ฐบาลซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากซึ่ งจะกลายเป็นภาระหนี้ สาธารณะของประเทศต่อไป ในระยะต่อไปประเทศต่างๆต้องเร่ งพัฒนาฐานข้อมูลและระบบการจ่ ายสวัสดิการแรงงานให้มี มาตรฐานดีกว่าเดิม เพื่อให้การจ่ายเงินหรือทรั พยากรต่างๆเป็นไปอย่างทั่วถึ งและมีประสิทธิภาพ
8) ธุรกิจประกันภัยจะได้รั บความสำคัญมากขึ้น (Insurance takes center stage)
ในอดีตที่ผ่านมาบุคคลและธุรกิ จมักจะมองเรื่องความเสี่ ยงและการทำประกันภัยเป็นเรื่ องที่น่าเบื่อ และเห็นว่าการใช้บริการด้ านการประกันภัยเป็นเรื่ องการมองโลกในแง่ลบเกินไป แต่การเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ ได้สร้างความเสียหายอย่างเกิ นกว่าจะประเมินมูลค่าได้ไปทุกที่ ทั่วโลก ใครที่บริหารความเสี่ยงได้ดี มีการทำประกันภัยไว้เหมาะสมก็ อาจสามารถบรรเทาผลกระทบตอนนี้ ได้ดีกว่า การบริหารความเสี่ยงถู กคาดหมายว่าจะเป็น A Core Activity ในโลกใหม่ต่อไป แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาสของธุ รกิจประกันภัย แต่บริษัทประกันภัยเองก็จะเข้ มงวดมากขึ้นในการรับประกันภั ยและการบริหาร Exposure ที่จะเกิดขึ้น
โดยธรรมชาติในระหว่างสงครามซึ่ งมีความยากลำบาก บรรดาผู้คนก็มักจะปรารถนาจะให้ มีสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่า ที่เรียกว่า Rebirth หรือ Renewal ให้เกิดขึ้น และเมื่อสงครามยุติก็มักจะมี เหตุการณ์ที่เรียกว่า A Post-war Boom เกิดตามมาเพราะได้ผ่านพ้ นความเจ็บปวดที่ผู้คนล้มตาย แบะเมื่อความสงบสันติได้เข้ามา ผู้คนจะรู้สึกอยากระเบิดพลังฝ่ ายดี ( Creative Energy) ออกมา และกระตือรือล้นที่จะสร้ างระบบเศรษฐกิจใหม่ มีสินค้าและบริการใหม่ๆ คนจะอยากกลับไปทำงาน บริโภค พักผ่อน ท่องเที่ยว แบะการลงทุนก็จะกลับมา
……………….