อะโวคาโด ผลไม้เพื่อ “สุขภาพ” แล้ว หนึ่งในผลไม้ที่สายสุขภาพหามารับประทานเป็นประจำ คงหนีไม่พ้น “อะโวคาโด” ซึ่งถึงแม้แต่ก่อน ถือเป็นผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแสนแพง หาซื้อยาก และส่วนใหญ่หาทานได้แต่ภัตตราคารร้านอาหารหรูเท่านั้น แต่ปัจจุบัน กลายเป็นผลไม้ที่สามารถปลูกในบ้านเรา แถมสามารถหาซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตง่ายมาก แถมในยุคนี้กระแสการดูแลสุขภาพมาแรง จึงทำให้คนไทยนิยมบริโภค Avocado มากขึ้น
ผลไม้จากเม็กซิโกสู่ไทย “อะโวคาโด”
ด้วยลักษณะเนื้อผลไม้เป็น เนย ๆ บางท่านอาจจะเรียกว่า “ลูกเนย” ถือเรียกตามเนื้อมันเป็นเนย ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของรัฐปวย ประเทศเม็กซิโก และนิยมเพาะปลูกในภูมิภาคอากาศเขตร้อนทั่วโลก เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ต่อมาก็มีการแพร่พืชพรรณไปแถบยุโรป และเอเชีย สำหรับประเทศไทย เริ่มมีการปลูกจริงจัง เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ก่อนที่โครงการหลวงจะนำพันธ์มาเผยแพร่ ในช่วงปี พ.ศ.2523 และเริ่มปลูกที่ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ปลูกอันดับ 1 ของประเทศ
“Avocado” สายพันธ์ไทย
เป็นผลไม้ที่สายสุขภาพนิยมรับประทาน เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แม้ว่าผลจะมีน้ำหนักเพียง 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) จะมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม (และถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น จะมีไขมันน้อยกว่าหรือไม่มีไขมันเลย) แต่คุณผู้อ่าน ทราบหรือไม่ว่า การรับประทาน “Avocado” ไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวขึ้นแต่อย่างใด แถมหากการรับประทานยังช่วยลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย และช่วยลดระดับไขมันในเลือด โดยเฉพาะไขมันเลว (LDL) ได้แบบเห็นผลชัดเจน (หากทานเป็นประจำให้ลองไปเจาะเลือดวัดค่า ไขมันเลวดู จะสังเกตเห็นว่า ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์)
กินอย่างไร ?
วิธีทานมักไม่นิยมรับประทานดิบ เพราะผลไม้ชนิดนี้มีรสขม แต่นิยมทานแบบสุก ดวยการปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าน้ำกะทิ หรือ จะผ่าตามยาว โดยหยิบเอาเมล็ดออก แล้วราดด้วยน้ำผึ้ง (จะเพิ่มความอร่อย แต่ต้องระวังอย่าหวานเกินไป จะไปเพิ่มน้ำตาลในเลือดได้ค่ะ)
เคล็ดลับทานอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ?
เขียนประโยชน์ข้างต้นมาเพียบ ที่นี่ เรามาดูกันว่า ถ้าเราจะทานเพื่อสุขภาพ ต้องทานอย่างไร
1.ลดน้ำหนักได้
ขอหยิบมาไว้ข้อแรกเลย เรื่องลดน้ำหนัก ทุกคนต้องสดับฟังอ่านแน่นอนเพราะผลไม้ที่มีจุดเด่นเป็นตัวช่วยผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก มีการศึกษาพบว่า ทาน 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ ช่วยลดน้ำหนักได้ คนที่ทาน 1 มื้อต่อวัน ช่วยทำให้อิ่มท้องมากถึง 25% และมีความอยากอาหารลดลง 28% ใน 5 ชั่วโมงถัดไป (น่าสนใจไหมหล่ะ) แถมยังมีเส้นใยอาหารสูง และคาร์โบไฮเดรทต่ำ ซึ่งช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล
2.ช่วยลดไขมันในเลือดได้
การรับประทานเป็นประจำ มีส่วนช่วยเพิ่มไขมันดี HDL และลดไขมันเลว LDL ทำให้ไม่มีไขมันมาอุดตันในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุดมไปด้วยกรดโอเลอิค ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อหัวใจอีกด้วย จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
3.ลดน้ำตาลในเลือด
แนะนำทานเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากเป็นไขมันอิ่มตัว จึงสามารถช่วยชะลอการไหลเวียนของน้ำตาลในเลือด พร้อมทั้งสามารถลดภาวะต้านอินซูลินในเลือดได้ด้วย
4.มีไฟเบอร์สูง
เพียง ½ ลูกมีไฟเบอร์มากถึง 6-7 กรัม โดยแต่ละคนมีความต้องการไฟเบอร์ในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป เช่นในหนึ่งวัน ผู้หญิงเรา ควรได้รับไฟเบอร์ 25 กรัม และผู้ชายควรได้รับไฟเบอร์ 38 กรัม รับประทานเพียงครึ่งลูก ก็เกือบได้ไฟเบอร์ในปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแล้ว
หยิบมาเพียง 4 ข้อหลัก ๆ เพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพแบบโดน ๆ เพิ่มเติมอีกสักนิด อะโวคาโด 1 ผล ให้พลังงานมากถึง 160 แคลอรี่ ดังนั้น แนะนำว่า ไม่ควรกินเกินครั้งละ 1 ผล เพราะถือเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง ถ้าร่างกายเผาผลาญพลังงานส่วนนี้ไม่หมด ก็จะถูกเปลี่ยนรูปนำไปสะสมในรูปไขมัน และทำให้เราอ้วนได้
จริง ๆ แล้วเจ้าผลไม้ชนิดนี้ถือเป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ทุกวัย ทั้งวัยรุ่น จนถึงวัยผู้สูงอายุ แถมสามารถนำมาปรุงอาหารได้อย่างหลากหลายด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย เย็นนี้ กลับบ้าน อย่าลืมแวะตลาดใกล้บ้านซื้อทานกันนะคะ พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ
………..
(เครดิต : www.gourmetandcuisine.com, www.health.clevelandclinic.org, www.healthline.com, www.i-kinn.com)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
7 อาหารลดน้ำตาลในเลือด ควบคุมอาหาร ป้องกันเบาหวานได้ชะงัด
กิน ปาท่องโก๋เสี่ยงไขมันสูง สุขภาพแย่ ไขมันในเลือดพุ่งสูง !
ภัยใกล้ตัว น้ำตาลในเลือดสูง พุ่งสูงปรี๊ดด เหตุเพราะชานมไข่มุก !