หลายๆ คนมักจะเข้าใจว่า หากอยากลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำตาลอยู่ต้องทานผลไม้แทนการทานขนมหวานที่ทำจากน้ำตาล แต่จริงๆ แล้ว ยังมีผลไม้หลายชนิดที่มีน้ำตาลสูงมากพอๆ กับขนมหวานเลย แถมหลายคนยังมักจะเข้าใจผิดคิดว่า ผลไม้เหล่านี้เป็นผลไม้สุขภาพทำให้หลายคนพลาดมานักต่อนักแล้ว วันนี้ผู้เขียนจึงจะมาพูดถึงผลไม้ที่ว่าให้ฟังกันค่ะ แล้วลองเช็ดดูสิคะว่า มื้อเย็นวันนี้ มีผลไม้อะไรบ้างที่คุณคิดจะทาน หากมีลิสต์ตามนี้ แนะนำให้เปลี่ยนโดยด่วนค่ะ
ผลไม้น้ำตาลสูงปรี๊ดดด..ที่ต้องหลีกเลี่ยง
ส้ม ผลไม้น้ำตาลสูง
ส้ม เป็นผลไม้ยอดฮิต เข้าตลาดไหน เจอตลาดนั้น หากินง่าย เพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ส้มยังเป็นผลไม้มงคล ที่ถูกนำมาใช้ทุกเทศกาล และธรรมชาติของส้ม จะให้ผลผลิตเพียงปีละ 1 ครั้ง ออกมากสุดในช่วงธันวาคม – มีนาคม หรือที่เรียกว่าเป็นช่วงหน้าส้ม มีผลผลิตมากที่สุด แต่เป็นที่รับรู้กันว่า “ส้ม” เป็นผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด ! เนื่องด้วยปริมาณความต้องการของส้มในท้องตลาด ทำให้มีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งการผลิตให้มีลูกดก และกำจัดศัตรูพืช การรับประทานส้มเป็นจำนวนมากเกินไปในแต่ละวัน และต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจก่อพิษสะสมในตับ ไต ได้เช่นกัน
กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานเยอะ เพราะมีทั้งแป้งและน้ำตาล โดยกล้วย 100 กรัมให้พลังงานน้ำตาลถึง 12 กรัมเลยทีเดียว ทำให้ต้องหลีกเลี่ยงในการทานเยอะๆ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องควบคุมน้ำตาล และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักไม่ควรทานกล้วยเป็นผลไม้มื้อเย็น และกล้วยที่ให้น้ำตาลเยอะที่สุดก็คือ กล้วยไข่ ค่ะ
มะปราง
มะปรางผลไม้ลูกเล็กๆ น่ารัก เหมาะสำหรับทานในช่วงวันที่อากาศร้อนๆ และก็ยังเป็นเมนูโปรดของใครหลายๆ คนอย่าง “มะปรางริ้วลอยแก้ว” ทราบหรือไม่คะว่า มะปรางเป็นหนึ่งในผลไม้น้ำตาลสูงที่ใน 100 กรัมนั้นให้น้ำตาลสูงถึง 3.3 ช้อนชา ซึ่งเกือบเทียบเท่าปริมาณน้ำตาลที่ควรทานต่อวันคือไม่เกิน 4 ช้อนชาเลย หากเลือกที่จะทานมะปรางหลังอาหารเย็นจะต้องคิดให้ดีๆ ด้วยค่ะว่า มื้ออาหารมื้อนั้น ทานไปเยอะแค่ไหนแล้ว
มะขามหวาน
มะขามหวานเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำเมนูของว่างทานเพลินได้มากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น มะขามกวน มะขามพริกเกลือ มะขามสามรส มะขามคลุมบ๊วย-คลุกน้ำตาล ซึ่งหากนั่งว่างๆ นี่มีเผลอทานจนหมดกระปุก รู้หรือไม่คะว่ามะขามหวาน 100 กรัม มีน้ำตาลสูงถึง 14.6 ช้อนชา หรือแคลอรี่เท่ากับ 333 กิโลแคลอรี่ เกือบเท่าข้าวผัดกะเพรา 1 จานเลยทีเดียว
เสาวรส
ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดให้ความสดชื่น นิยมนำมาทานเป็นเครื่องดื่มที่หลายๆ คนมักจะเข้าใจว่า ไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพแน่ๆ เพราะมีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือด โรคความดันโลหิตสูง ช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมันไฟเบอร์สูงทำให้ขับถ่ายง่าย ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้ด้วย ลดคอเลสเตอรอล ชะลอการเกิดริ้วรอย แต่แท้จริงแล้วเสาวรสเป็นผลไม้ที่แคลอรี่สูงมากถึง 294 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นผู้ที่ควบคุมน้ำตาลต้องระมัดระวังในการทานค่ะ
ลูกจัน
ผลไม้ลูกเล็กๆ น่ารัก เห็นลูกน้อยๆ แบบนี้เชื่อหรือไม่ว่าหากทานเข้าไปเพียง 100 กรัมก็ให้น้ำตาลสูงถึง 28 กรัม แคลอรี่ 325 กิโลแคลอรี่แล้ว
ลำไย
เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องชอบทานลำไยแน่นอน เพราะเป็นผลไม้ที่ให้รสชาติหวานหอมอร่อยและยังให้ความสดชื่น นิยมทานทั้งแบบลำไยสดๆ และลำไยอบแห้ง และต่อจากนี้ไปคงจะต้องระมัดระวังกันหน่อยแล้วค่ะ เพราะลำไย 9 ลูกให้น้ำตาลมากถึง 3.5 ช้อนชา และยิ่งหากเป็นลำไยอบแห้งด้วยแล้ว น้ำตาลจะยิ่งสูงมากกว่าเดิมเป็น 1 เท่าตัวเลย
ลิ้นจี่
ผลไม้รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ทำให้ทานเพลินรู้ตัวอีกทีก็ทานซะหมดพวงแล้ว บอกเลยนะคะว่า ลิ้นจี่ให้ปริมาณน้ำตาลสูงถึง 18 กรัม ต่อ 100 กรัมเลย ซึ่งหากทานเยอะเกินไปมีผลต่อปริมาณน้ำตาลในร่างกายแน่นอน แต่ถ้าหากอดใจไม่ไหวจริงๆ แนะนำให้ทานได้ไม่เกิน 4 ลูกต่อวันนะคะ
มะละกอ
มะละกอ เป็นผลไม้ที่อุดมประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีทั้งใยอาหาร และวิตามิน เอ อีกทั้งสามารถปลูกให้ขึ้นง่ายตามบ้าน จึงเป็นผลไม้ที่สามารถควบคุมสารพิษได้ แต่ขณะเดียวกัน วิตามิน เอ ในมะละกอนั้น หากสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้เกิดโทษต่อระบบประสาท เช่น ปวดศีรษะ หงุดหงิดง่าย เซื่องซึม และสำหรับผู้ที่รับประทานมะละกอสุกติดต่อกันเป็นจำนวนมาก เป็นเวลานาน อาจทำให้สารมีสีพวก Caroteoid ไปสะสมในร่างกายมากเกินไป ทำให้ผิวมีสีเหลือง
จะเห็นได้ว่า ผลไม้เป็นแหล่งสะสมสารเคมีมากที่สุด การเลือกรับประทานอาหารผลไม้ที่เป็นออแกนิกส์ อาจหายากนิดนึง และมีราคาสูงเล็กน้อย (ถ้าเทียบกับผลไม้ทั่วไป) ก็ขอแนะนำทานเป็นผลไม้ออแกนิกส์จะดีที่สุด เพื่อลดการสะสมของสารบางอย่างในร่างกาย และเลือกรับประทานให้หลากหลายแตกต่าง เปลี่ยนไปมา ไม่ซ้ำ และรับประทานแบบพอดี ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
สละ
ผลไม้อีกชนิดที่มีรสชาติออกไปทางเปรี้ยว มีประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้หลายคนคิดว่ามีน้ำตาลน้อย!! แต่จริงๆ แล้วสละ 100 กรัม มีน้ำตาล 13.40 กรัม ดังนั้นต้องทานอย่างพอดี ไม่ทานมากเกินไปนะคะ
ทุเรียน
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก และไขมันก็สูงมากเช่นกัน เทียบได้กับขนมเคก 1 ชิ้นเลยทีเดียว
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีพลังงานสูงเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ไขมัน (Fat) และเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน หากทานเข้าไปมากเกินอาจจะเกิดอาการร้อนในได้ง่าย นอกจากนี้น้ำตาลยังสูงมากทำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงต้องระวังเรื่องการกินทุเรียนมากกว่าคนทั่วไป และยิ่งคนที่เป็นโรคไตนั้นต้องหลีกเลี่ยงการทานทุเรียนอย่างเด็ดขาดเพราะเสี่ยงต่อโรคกำเริบ
แก้วมังกร
แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีรสหวานน้อย และมีเส้นใยจำนวนมาก จึงเหมาะกับการลดน้ำหนัก แต่สารบางอย่างในแก้วมังกรนั้น มีผลต่อความเย็นในร่างกาย ความเย็นในแก้วมังกร ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน จึงควรหลีกเลี่ยงสำหรับสตรีตั้งครรภ์ และมีประจำเดือน นอกจากแก้วมังกร จะมีสารพิษตกค้างจากกระบวนการปลูกแล้ว จนทำให้เกิดสารพิษสะสม หากรับประทานมากเกินไป อีกทั้ง แก้วมังกร ไม่ควรทานคู่กับนมสด เพราะจะทำให้อาหารไม่ย่อย
………………………………….
(เครดิต : How Much Fruit Should You Eat per day, www.healthline.com, Is Sugar in Fruit bad for You, www.medicalnewstody.com, fongza.com/tag/โทษของผลไม้, www.i-kinn.com)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ส่อง! พลังงานทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ ทุเรียน แคลอรี่เท่าไร? กินยังไงให้ปลอดภัย
EP.164 : 8 ผักลดน้ำตาลในเลือด หาซื้อง่าย ราคาถูก
คอเลสเตอรอลสูง ห้ามกินไข่จริงเหรอ?