Last Christmas – หนังโรแมนติกที่ไม่ควรพลาด !
(บางครั้ง เราควรต้องมีศรัทธา)
Last Christmas, I gave you my heart
But the very next day you gave it away,
This year, to save me from tears
I’ll give it to someone special…
นั่นคือเพลงฮุคติดหู ร้องฮัมเพลงได้ตลอดสำหรับเพื่อน ๆ ในยุค 80 90 อดใจไม่ไหวต้องเขียนความประทับใจสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีแรกไม่คิดว่าจะไปดู (เพราะร้องเพลงได้ และคิดว่าหนังแนวนี้ ก็คงจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่ก็เศร้า ตามสารบทของภาพยนตร์แนวโรแมนติก) แต่ที่ไหนได้ เกินคาด ! แถมประทับใจเนื้อเรื่องแบบหักมุม แบบชนิดน้ำตาซึม (เฮ้ยย..อย่างนี้ก็มีด้วยหรอ) และประกอบกับตัวนักแสดงดังระดับแนวหน้าฮอลลีวู้ด
Last Christmas ภาพยนตร์โรแมนติก คอเมดี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงนี้ ของนักแต่งชื่อดัง จอร์จ ไมเคิล เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงชีวิตของนางเอกที่สวยแต่รูป เธอไม่แคร์ใคร เป็นลูกจ้างในร้านขายสินค้าตกแต่งเทศกาลคริสต์มาสในย่านกรุงลอนดอน ทำงานก็สะเพร่าจนเจ้านายเอือม ลืมนั่น ลืมนี่ แถมใช้ชีวิตทุกวันแบบอิสระไม่แคร์ใคร ไม่กลับบ้าน มีแม่ที่รอการกลับบ้านของเธอ และมีพ่อที่แยกทางกับแม่ และมีพี่สาวที่แยกไปอยู่ นางเอกใช้ชีวิตแบบอิสระและมีเซ็กซ์แบบ one night stand ชนิดไม่ซ้ำหน้า แถมยังมีความฝันที่อยากเป็นนักร้อง ไปออดิชั่นตามเวทีต่าง ๆ ภาพยนตร์เล่าเรื่องได้อย่างเรียบง่าย ฉากกรุงลอนดอน สวย สวย อากาศหนาวเย็นเพิ่มความโรแมนซ์ให้กับคนดู
และแล้วก็มาถึงจุดหักมุมของเรื่องที่สำคัญมาก (ไม่อยากเล่ารีวิวเยอะ ไม่งั้น เดี๋ยวผู้อ่าน จะไม่ได้อรรถรสเท่าไปดูจริง) อยากบอกว่า หักมุม แบบคนดูอย่างผู้เขียน อ้าปากค้าง (คิดในใจว่า เฮ้ย..อ้าว..โอ้ว..พร้อมน้ำตาซึมปลายหางตา พร้อมย้อนนึกไปถึงฉากแรกของเรื่องทันที ที่หนังมันหักมุม !)
คนดูส่วนใหญ่จะเคยชินสูตรหนังรักคริสต์มาสแทบทุกเรื่องต้องเป็นหนังรัก นางเอกสวย พระเอกหล่อแสนดี แสนอบอุ่น เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าชม แบนเนอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้แบบผ่าน ๆ นะ คิดแบบนี้แน่นอลลล
เป็นภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษ แม้ตัวละครไม่ได้สัญชาติอังกฤษเลย ถือเป็นหนังรักช่วงคริสต์มาสที่ไม่ควรพลาด แอบแถมวรรคทองเก๋ ๆ ว่า
“Look Up – แค่เงยหน้าขึ้นฟ้า คุณจะได้เห็นสิ่งสวยงามที่คาดไม่ถึง”
สังคมก้มหน้ากันเกือบทั่วโลก ได้ฟังวรรคทองจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ได้แง่คิดที่สวยงาม
“เพราะการเงยหน้า มองสิ่งอื่นบ้างนั้น เป็นเรื่องสำคัญในยุคนี้ ที่คนส่วนใหญ่เสพย์ติดอยู่กับโลกโซเชียลผ่านมือถือ และเติมเต็มชีวิตด้วยวัตถุจอมปลอม หลงคิดว่า นั่นคือความสุข…”
(เครดิต : www.i-kinn.com)