“น้ำมันมะกอก” เป็นน้ำมันที่มนุษย์รู้จักใช้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ในยุคก่อนน้ำมันมะกอกถือเป็นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ใช้เป็นยา ใส่ในตะเกียงน้ำมันเพื่อรักษาแสงสว่าง นำไปเป็นส่วนประกอบของทำสบู่เพื่อรักษาและบำรุงผิวพรรณ ในปัจจุบันน้ำมันมะกอกยังนิยมนำมาประกอบอาหาร อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายมากมาย วันนี้ I-kinn จะมาบอกถึงประโยชน์ของน้ำมันมะกอก และเทคนิคเลือกประเภทของน้ำมันมะกอกให้เหมาะกับการใช้งานอย่างเหมาะสมด้วยค่ะ
ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก Olive Oil
-
ช่วยลดคอเลสเตอรอล
น้ำมันมะกอก อุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมากถึง 77% มีส่วนประกอบของกรดโอเลอิกมากถึง 80% ช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายให้พอเหมาะ ลดความเสี่ยงจากโรคคอเลสเตอรอลสูง
-
ช่วยลดเบาหวาน
น้ำมันมะกอกเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนเพราะภาวะเบาหวาน (Diabetic Neuropathy) ภาวะความเสียหายของประสาทในเรตินา (Retinal Neuropathy) ภาวะความดันเลือดสูงและโรคหัวใจ
-
ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
น้ำมันมะกอกมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงกว่าน้ำมันพืชทั่วไป การทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้ไม่สูงเกินเกณฑ์
-
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
น้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี และสารโพลีฟีนอลที่ในน้ำมันชนิดอื่น ๆ ไม่มี
-
ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
ในน้ำมันมะกอกเต็มไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน ทำให้มีมวลกระดูกเพิ่มขึ้นและช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
ประเภทของน้ำมันมะกอกที่ต้องใช้ให้ถูกต้อง
ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะเหมาะสำหรับการนำมาประกอบอาหาร แต่น้ำมันมะกอกเองก็ถูกแบ่งตามการใช้งาน เพราะบางชนิดก็สามารถนำไปทั้งทอดและผัด และบางประเภทก็ไม่เหมาะโดนความร้อนเลย ดังนั้นผู้ใช้จะต้องเลือกชนิดของมะมันมะกอกชนิดนั้น ๆ ให้ดี เพราะหากใช้ผิดประเภท ประโยชน์ที่จะได้รับอาจจะกลับกลายเป็นโทษร้ายได้ค่ะ
1.น้ำมันมะกอก ชนิด Extra-Virgin Olive Oil
ประเภทของน้ำมันมะกอกชนิดนี้คือน้ำมันมะกอกจะมีสีเขียวเข้ม มีกลิ่นของมะกอกชัด ผลิตโดยวิธีสกัดเย็นทำให้ในน้ำมันอุดมไปด้วยวิตามินจากธรรมชาติ ดังนั้นการปรุงอาหารที่เหมาะสมของน้ำมันมะกอกชนิด Extra-Virgin Olive Oil จึงเหมาะนำมาทำอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ทานกับสลัด แต่ว่าห้ามนำไปทอดหรือผัดเด็ดขาดเพราะความร้อนจะทำให้วิตามินและคุณค่าทางโภชนาการหายไปนั่นเองค่ะ
ผักที่กินแล้วอ้วน ลดน้ำหนักอยู่ควรเลี่ยง ยิ่งกินยิ่งอ้วน
2.น้ำมันมะกอก ชนิด Pure Olive Oil หรือ Olive Oil
เป็นน้ำมันมะกอกที่ผลิตโดยการกลั่น มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินอี สามารถนำไปประกอบอาหารที่ผ่านความร้อนได้ แต่ว่าไม่ควรผ่านความร้อนเป็นเวลานาน ๆ ได้เฉพาะจานผัดแบบโดนความร้อนเร็ว ๆ แต่ไม่ควรนำไปทำอาหารทอด เพราะหากนำโดนความร้อนนานหรือผ่านความร้อนสูงเกินไปไขมันดีจะกลายเป็นไขมันทรานส์ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
3.น้ำมันมะกอก ชนิด Light Olive Oil
เป็นน้ำมันมะกอกที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบการสกัดความร้อน จุดเด่นของน้ำมันมะกอกชนิดนี้คือ น้ำมันจะมีความใสบริสุทธิ์ มีรสชาติหอมอ่อน ๆ แบบธรรมชาติ แต่กลิ่นสีจะอ่อนกว่าน้ำมันมะกอกชนิด Extra-Virgin Olive Oil มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนสูงได้เป็นเวลานาน เหมาะสำหรับนำไปทำเมนูทอด แต่ว่าห้ามนำไปทานแทนน้ำสลัดหรือทานกับเมนูที่ไม่ผ่านความร้อนเด็ดขาด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จริงหรือไม่? น้ำมันหมู อันตรายน้อยกว่าน้ำมันพืช
8 น้ำมันไขมันต่ำ ดีต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงคอเลสเตอรอลสูง
เกลือโพแทสเซียม เกลือลดโซเดียมแบบใหม่ ทางเลือกของคนรักสุขภาพ