ถั่ว มีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นถั่วแระญี่ปุ่น ถั่วลูกไก่ ถั่วอัลมอนด์ และถั่วอีกหลายอย่าง นอกจากที่ว่ามาแล้ว เราก็อยากแนะนำถั่วประเภทหนึ่งที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคยแต่ก็เคยได้ยินอยู่บ้างนั่นก็คือถั่ววอลนัท ว่าวอลนัทนี้คืออะไร ประโยชน์ของวอลนัท มีอะไรบ้างที่ดีต่อร่างกาย วอลนัท กินอย่างไร วอลนัทดิบ กินได้ไหม เราจะพาไปค้นหาคำตอบกัน
8 ประโยชน์ของวอลนัท ถั่วมากประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย
วอลนัท คือถั่วอย่างหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงใยอาหาร วิตามิน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งประโยชน์ของวอลนัท จะมีด้วยกันดังนี้
1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
วอลนัทจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยความที่เปลือกของมันมีวิตามินอี เมลาโทนิน และโพลีฟีนอล ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย ลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของภาวะเรื้อรังต่าง ๆ ลง
2. อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่ได้พบเฉพาะแค่ในปลาอย่างปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน หรือปลาชนิดต่าง ๆ ที่นั้น ในถั่ววอลนัทก็จะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นกัน และจะพบกรดไขมัน Alpha linolenic มากที่สุด ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ และช่วยลดความเสี่ยงภาวะที่เกี่ยวกับหัวใจได้
3. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ มีส่วนช่วยลดความดันโลหิต
ด้วยความที่วอลนัทอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีชนิดหนึ่ง ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดไขมันเลว LDL ในเลือดและเพิ่มไขมันดีที่เป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ช่วยต้านการอักเสบ รวมถึงเป็นอาหารที่มีใยอาหาร ซึ่งดีต่อสุขภาพหลอดเลือดด้วยเช่นกัน
4. เป็นมิตรกับสุขภาพช่องท้อง
เพราะวอลนัทมีใยอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพการย่อยอาหารและการขับถ่าย รวมถึงมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ที่ช่วยสร้างแบคทีเรียที่ดีต่อช่องท้องด้วยเช่นกัน
5. ดีต่อสมอง
สารอาหารต่าง ๆ อย่างโพลีฟีนอลวิตามินอี และกรดไขมันโอเมก้า 3 จะเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพสมอง ช่วยลดการอักเสบของเซลล์สมอง ทำให้มีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นประโยชน์ของวอลนัทอย่างหนึ่ง
6. มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก
แม้ว่าวอลนัทอาจมีแคลอรี่ในระดับหนึ่ง แต่เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง ด้วยความที่ใยอาหารสูงนั้นจะทำให้รู้สึกอิ่มง่าย อิ่มนาน ช่วยให้เราลดความอยากอาหารลง เลยเป็นถั่วที่มีส่วนช่วยลดน้ำหนักทางอ้อมทางหนึ่ง แต่ก็ควรออกกำลังกายและทานอาหารที่มีไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำร่วมด้วย
7. อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
กรดไขมันและโพลีฟีนอลในถั่ววอลนัทอาจมีส่วนช่วยลดการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบภายใน เช่น มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องมีการศึกษารองรับเพิ่มเติม
8. อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
ด้วยความที่วอลนัทจะเป็นถั่วที่มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ ทำให้การทานถั่ววอลนัทเป็นประจำก็อาจมีส่วนช่วยโรคเบาหวานได้ และเป็นถั่วที่มีค่าดัชนีน้ำตาลที่ต่ำ (Low glycemic index) และมีใยอาหารสูง ซึ่งจะไม่ทำให้น้ำตาลพุ่งสูงเมื่อทาน
วอลนัท กินอย่างไร?
วอลนัทสามารถกินเป็นอาหารทานเล่นได้ รวมถึงสามารถนำไปทานคู่กับอาหารต่าง ๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการทานร่วมกับโยเกิร์ตที่นิยมนำไปเป็นท็อปปิ้ง ทำเป็นสลัด นำไปอบกับขนมปังก็ได้เช่นกัน
วอลนัทดิบ กินได้ไหม?
วอลนัทดิบ สามารถกินได้ และการกินดิบจะได้สารอาหารมากที่สุด เมื่อนำไปผ่านกระบวนการปรุงอาหารต่าง ๆ หรือโดนความร้อนก็อาจทำให้สารอาหารลดลงได้ แต่ด้วยความที่วอลนัทอาจมีรสชาติขมแทรกอยู่ หลายคนก็เลือกนำไปอบเพราะจะทำให้ความขมลดน้อยลง แต่การเลือกกินคู่กับโยเกิร์ตก็จะเป็นทางเลือกที่ดีในการลดความขมลง
ประโยชน์ของวอลนัท อธิบายด้วยคำเดียวคือเป็น “ซุปเปอร์ถั่ว” อย่างหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้การเลือกทานวอลนัทเป็นประจำนั้นจะดีต่อสุขภาพ ไม่แพ้ถั่วแระญี่ปุ่นถั่วลูกไก่ หรือแอลมอนด์เลย หากใครที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลองวอลนัท ผมเองก็อยากแนะนำให้ลองทานดู เพราะสำหรับผมแล้ว รสชาติขมนิด ๆ ของมันไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่หรือแหยะเลย และการทานกับโยเกิร์ตก็เป็นทางออกที่ดีเลยครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม :
7 ประโยชน์ของถั่วแระญี่ปุ่น ถั่วโปรตีนสูง อุดมไปด้วยสารอาหาร
แนะนำ 5 คุณประโยชน์จากการดื่มนมถั่วเหลืองประโยชน์ดีๆจากธรรมชาติ มีอะไรบ้าง
แนะนำ 5 ประโยชน์ของถั่วนัตโตะสรรพคุณดีๆ จากธรรมชาติ ยาอายุวัฒนะฉบับชาวญี่ปุ่น
Line Official: @kinnworldwide (มี@)
Shopee: KINN WORLDWIDE
Lazada: KINN WORLDWIDE
Facebook: KINN
Line Shopping: KINN