“CREATIVE DESTRUCTION – TIME TO REIMAGINE!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังปรับตัวกับ NEW NORMAL คำถามที่มีหลายคนถามคือ แล้ว NEXT NORMAL จะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แต่ในช่วงที่มีดมน อาจเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้หยุดคิด และอาจได้จุดประกายไอเดียใหม่ๆ ที่ทำให้เราก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม บทความแรกนี้ จึงอยากพูดถึง “CREATIVE DESTRUCTION – TIME TO REIMAGINE!”
ในหลายๆวิกฤตในอดีต เราจะเห็นไอเดียทำธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง และหลายไอเดียทำให้สร้างการเปลี่ยนแปลงพลิกกฎเกณ์การทำธุรกิจ เกิดเป็น UNICORN ใหม่ เช่นวิกฤตการเงินช่วงปี 2008 ได้เป็นช่วงก่อเกิดของหลายบริษัท เช่น Uber, WhatsApp, Pinterest and Airbnb และอีกมากมาย บางบริษัทเริ่มด้วยไอเดียที่ยากเกินจินตนาการว่าไอเดียเหล่านั้น จะสร้างยอดขายได้เป็นเรื่องเป็นราว เช่น Airbnb ไอเดียเหมือนจะเหมาะกับเฉพาะแค่นักท่องเที่ยว backpacker หาที่พักตามบ้านคนอื่น ซึ่งเราก็ทราบดี ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นไอเดีย disrupt อุตสาหกรรมโรงแรมได้ขนาดนั้น ถึงแม้ขณะนี้ Airbnb และอีกหลากหลายธุรกิจจะถูกกระทบหนักจากวิกฤตครั้งนี้ แต่เชื่อว่า กำลังมีอีกหลายไอเดีย ที่กำลังรอผุดขึ้น ซึ่งจะกลายเป็น การสร้างธุรกิจใหม่ที่เกินความคาดหมายได้อีกเช่นกัน
ทราบเรากันเรื่อง Automated X Trend หรือการใช้หุ่นยนต์จะมาแทนที่งานคน ด้วย social distancing ทำให้ยิ่งเร่งนำหุ่นยนต์มาใช้กับทุกเรื่อง เริ่มจาก Distribution มีการเร่งใช้ Drones ส่งสินค้า เช่น Google Wings การใช้ยานยนต์ไร้คนขับ ซึ่ง UPS, TOYOTA, Domino’s Pizza เร่งการทดลองใช้
ด้านการผลิต หุ่นยนต์มีประสิทธิผลที่ดีกว่ามนุษย์ แต่ก็ต้องมีการลงทุนสูง เมื่อมีโควิด บริษัทย่อมคิดเร่งการลงทุนเครื่องจักร หุ่นยนต์ เพื่อทดแทนคน ซึ่งก็หมายความว่า การใช้แรงงานคน จะลดน้อยลงอย่างมาก เช่น UNIQLO ประกาศแนวทางการผลิตแบบ full automation แล้ว ด้านการขาย บริษัทที่เคยใช้พนักงานขายจำนวนมาก ก็คิดได้แล้วว่า ขาย on line ก็สร้างยอดขายได้มากพอ ไม่จำเป็นต้องปวดหัววุ่นวาย จ้างพนักงานขายมากมาย business model เปลี่ยนแน่นอน ด้านการบริการ Mcdonald’s เร่งทดลองใช้หุ่นยนต์และเชฟและพนักงานเสริฟ ที่สิงคโปร์ มีการใช้หุ่นยนต์สุนัข ตรวจจับผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎ social distancing เหล่านี้ อาจดูเป็นวิกฤตซ้ำเติมภาวะตกงาน หรืออาจมองเป็นโอกาส ว่าแล้วคนเราจะต้องหันไปทำอะไร ที่ทำได้ดีกว่าหุ่นยนต์ นวัตกรรมหลายอย่างของ Alibaba มีการใช้คน ผสาน technology หรือที่เรียกว่า OMO (Online Merge Offline) เพื่อสร้าง customer experience ที่ได้ทั้งความสะดวก รวดเร็ว และการบริการที่ดีเยี่ยม เช่น In time ให้พนักงานทำ live streaming 200 ครั้งต่อวัน ตลอด 24 ชั่วโมง จนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด และได้ฐานลูกค้าใหม่มามากมาย
เหล่านี้ เป็นเพียงบางตัวอย่าง ที่อยากชวนให้ทุกท่านฉุกคิด จุดติดไอเดีย ในช่วงที่มืดมนนี้ ย่อมมี่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และอาจเป็นแสงสว่างที่ทำให้เราคิดต่างทำต่าง RETHINK, RESKILL, RESTART
บทที่ 2 และบทถัดไป จะกล่าวถึง POST-CORONA WORLD TRENDS สนใจรบกวนติดตาม กดไลค์กด share Facebook Simple Work Co., Ltd. ด้วยค่ะ
……….
(Credit : TRENDWATCHING และ COVIDINNOVATIONS.COM)
ืLadda
June 5, 2020ได้ข้อคิดดีมากค่ะ