พะโล้เมนูสุดคลาสิคประจำบ้านของใครหลายคน เป็นเมนูที่ไม่มีใคร ไม่รู้จัก ยิ่งเคี่ยวนาน หรืออุ่นทานยิ่งอร่อย เพราะการเคี่ยวหรืออุ่น จะทำให้น้ำซุปที่เข้มข้นซึมซาบเข้าเนื้อมากขึ้น เป็นเมนูที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังทำง่ายมากๆ เพราะในปัจจุบันมีผงพะโล้สำเร็จรูปที่พร้อมปรุง ทำให้สะดวกและประหยัดเวลา แต่วันนี้เราจะมาดูสูตร พะโล้ที่เราคุ้นชินกันในวัยเด็ก คือ “พะโล้สูตรโบราณ” มาดูอุปกรณ์และวิธีทำกันเลยจ้า
เมนูประจำบ้าน ! สูตรพะโล้สูตรโบราณ อร่อยได้ ไม่พึ่งผงสำเร็จรูป
ส่วนผสม
1.ไข่เป็ดหรือไข่ไก่
2. หมูสามชั้นหรือเนื้อสัตว์ตามชอบ
3.สามเกลอ (รากผักชี, กระเทียม, พริกไทย)
4.โป๊ยกั๊ก
5.อบเชย
6.น้ำตาลปี๊บ
7.ซีอิ้วขาว
8.ซีอิ้วหวาน
9. น้ำเปล่า
วิธีทำ
- ตั้งน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ต้มไข่ด้วยไฟกลางประมาณ 10 นาที แล้วยกลงจากเตา เอาไข่ออกมาแช่น้ำให้เย็น
- ปอกเปลือกไข่ออกแล้วนำมาคลุกเคล้ากับซีอิ๊วหวานเพื่อให้ไข่สีสวยและพักไว้
- นำสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) โขลกรวมกับอบเชย โป๊ยกั๊กให้ละเอียด
- เมื่อโขลกส่วนผสมทั้งหมดละเอียดแล้ว ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง นำส่วนผสมที่โขลกลงไปผัดให้หอม (ไม่ต้องใส่น้ำมันเพราะหมูสามชั้นเรามีน้ำมันแล้ว)
- เมื่อผัดส่วนผสมจนเริ่มหอมแล้ว ให้ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปผัด และเคี่ยวจนน้ำตาลสีเข้ม เมื่อได้สีอย่างที่ต้องการใส่หมูสามชั้นหรือเนื้อสัตว์ลงไปผัดแค่พอสุก
- เติมน้ำเปล่าลงในหมูที่ผัดไว้ตามด้วยโป๊ยกั๊กและอบเชยที่เป็นชิ้น เพื่อเพิ่มความหอม
- ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย พอน้ำซุปเดือดแล้วให้เบาไฟลงโดยใช้ไฟอ่อน แล้วจึงใส่ไข่ลงไป
- ค่อยๆ เคี่ยวต่อไปประมาณ 45 นาที น้ำซุปจึงจะเริ่มเข้าเนื้อ พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆจ้า
เคล็ดลับเพิ่มความอร่อย
- ตำสามเกลอและอบเชย โป๊ยกั๊ก ให้ละเอียด เพราะถ้าไม่ละเอียดเวลาต้มจะลอยขึ้นหน้าซุป
- ผัดส่วนผสมที่โขลกให้เหลืองหอมกำลังพอดี อย่าผัดไหม้เกินไปเพราะจะทำให้พะโล้มีรสชาติขม
- ถ้าไม่ทานเนื้อหมูสามารถใส่เนื้อสัตว์อื่นแทนได้ แนะนำว่าให้ใส่เนื้อส่วนที่ติดมันนิดหน่อย เวลาตุ่นจะทำให้น้ำซุปยิ่งอร่อยขึ้น และเนื้อสัตว์ไม่กระด้าง หรือถ้าไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็สามารถใส่เต้าหู้แทนได้
- การแช่ไข่ที่ต้มสุกแล้วในน้ำเย็นจะช่วยให้แกะเปลือกได้ง่ายขึ้น
- ถ้าใครไม่มีน้ำตาลปี๊บ ใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาวแทนก็ได้ แต่ถ้าหาน้ำตาลปี๊บได้ก็จะดี เพราะรสชาติหวานนุ่มนวลและกลิ่นหอมกว่าน้ำตาลทราย ส่วนน้ำตาลทรายขาวจะหวานแหลม
- ไม่ควรใส่น้ำปลา เพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว
เป็นไงกันบ้างคะ กับวิธีทำพะโล้สูตรโบราณ พออ่านแล้วทำนึกถึงวัยเด็กกันไหมหนอ ลองทำทานดูนะคะ การทำอาหารถือว่าเป็นการผ่อนคลายได้อีกแบบนึง ขอให้สนุกกับการทำอาหารนะคะทุกคน ^^
……….
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สูตรข้าวมันไก่ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด สูตรทำกินเองที่บ้าน
ส่อง 7 อาหารไฟเบอร์สูง ช่วยลดน้ำหนักได้ !
คอเลสเตอรอลในอาหารทะเล ชนิดไหนกินได้ ชนิดไหนต้องเลี่ยง
นิสารัตน์
June 8, 2020พะโล้ ใส่เต้าหู้ เมนูโปรดที่บ้านเลยค่ะ