สุขภาพดีชาว IKINN ต้องรู้จักความเครียด มีสองตอนนะครับ
นอกจากการเสริมพลังกับสมองให้พอเพียง คืออาหารและการนอนหลับอย่างที่ผมได้เล่าถึงไปแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสมองของผู้นำคือ การดูแลความเครียด
จาก Brain Rules for Babies, Dr. John Medina นักจุลชีววิทยาด้านพัฒนาการสมอง
Father: ถ้าอยากให้ลูกเข้าฮาวาร์ดให้ได้ ผมต้องทำยังไงครับ?
Dr. Medina: กลับบ้านไปแล้ว ‘รักเมีย’ ให้มากๆ
สิ่งแวดล้อมรอบตัวลูกในวัยแรกๆ มีผลอย่างมากกกกกกกกับสมองของเขา มีขนาดไหนนะหรือ? แค่ตรวจปัสสาวะเด็กเพื่อหาสารบ่งชี้บางอย่าง เราสามารถบอกได้ว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน
สำหรับผู้นำ ความเครียดอาจมีผลมากกว่าที่เราให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับพัฒนาการของสมอง ตัวชี้วัดที่เห็นง่ายที่สุดคือสมองของเด็ก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่าสมองทารกในครรภ์มีขนาดเล็กลงได้เลย หากคุณแม่มีความเครียดเรื้อรังช่วงอุ้มท้อง
ดังนั้น ผู้นำในองค์กรที่ต้องการใช้ศักยภาพด้านสมองให้เต็มที่ กรุณาบริหารจัดการความเครียดของท่าน หรือหากต้องการให้ลูกน้องใช้สมองได้อย่างเต็มที่ิ ก็ช่วยดูแลความเครียดของพวกเขาด้วย
จริงๆแล้ว สิ่งที่สำคัญสำหรับสมองไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ความเครียด” เสียทีเดียว แต่ขึ้นกับ “ลักษณะ” ของความเครียด
ความเครียดไม่ใช่สิ่งไม่ดี เพราะสมองมนุษย์นั้นวิวัฒนาการมาให้รับมือกับความเครียดอยู่แล้ว ตัวอย่างง่ายๆ บรรพบุรุษของเราที่ ‘เครียด’ ต่อการมาของเสือ มีแนวโน้มจะอยู่รอดได้นานกว่าคนที่ไม่รู้ร้อนหนาวต่ออันตรายใกล้ตัว หรือ องค์กรที่รับฟังคำตำหนิของลูกค้า มีแนวโน้มจะอยู่รอดได้นานกว่าองค์กรที่่ “ไม่แคร์”
ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เรากระฉับกระเฉง ทำให้บรรลุเป้าหมายยากๆได้ก่อนคนอื่น และสมองของเราก็มีหลายส่วนที่มีหน้าที่รับมือกับความเครียดโดยเฉพาะ
สิ่งที่ผู้นำควรหลีกเลี่ยงจึงไม่ใช่ความเครียด แต่เป็น “ความเครียดเรื้อรัง” คือการตกอยู่ในภาวะเครียดเดิมๆนานเกินไป กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ย้ำคิดย้ำทำ เช่น วันๆคิดแต่เรื่องการเมืองภายในองค์กร ระบบอุปถัมภ์ที่ไม่โปร่งใส งานที่ไม่ชอบทำ เป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ ลูกค้าที่จุกจิกเรื่องมาก หัวหน้าที่ทำยังไงก็ถูกด่า ลูกน้องที่ด่ายังไงก็เหมือนเดิม ฯลฯ
ยังไม่นับรวมความเครียดที่บ้าน ภรรยาพูดมากไป สามีพูดน้อยไป ลูกเล่นแต่เกม แม่บ้านลาออก อีกร้อยแปดประการ
ระบบของสมองถูกสร้างมาให้รับมือกับ “เสือ” ไม่ใช่ “นาย”
ความแตกต่างระหว่างเสือกับนายคือ เครียดเรื่องเสือมีผลลัพธ์ง่ายๆ ตาย หรือ รอด และบทสรุปเกิดขึ้นภายในไม่กี่(วิ)นาที แต่เครียดเรื่องนาย มีผลลัพธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้นและใช้เวลานานกว่าเยอะ ส่งงานแล้วจะพอใจไหม เป้าจะถึงไหม ประเมินจะดีไหม โครงการประชุมแล้วจะเอาอย่างไร บทสรุปบางทีเป็นเดือนเป็นปีก็ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นไง
ร่างกายเราจึงต้องรับมือกับความเครียดยาวๆ ด้วยระบบที่สร้างมาให้รับมือกับความเครียดสั้นๆ ลองนึกถึงเบรครถยนต์สิครับ เบรคเป็นครั้งคราวไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าแช่ยาวเช่นขับลงเขาเป็นชั่วโมง หรือลืมปลดเบรคมือระหว่างขับจะเป็นอย่างไร? ร่างกายเราก็แบบนั้น
สมองส่วนหนึ่งของเรามีชื่อว่า Hypothalamus เปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่ของสมองเพราะอะไรๆก็ต้องยิงผ่านสมองส่วนนี้ มันทำหน้าที่ควมคุมเรื่องสำคัญๆหลายอย่างเช่น อุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ ความดัน การนอนหลับ ฯลฯ เวลาเรามี “ความเครียดเรื้อรัง” สมองส่วนนี้จะถูกโจมตีด้วยสารต่อต้านความเครียด (cortisol) จนบางครั้งเซลส์ตายก็มี ส่งผลต่อความสามารถในการคิดและตัดสินใจของเรา
ครั้งหน้าจะมาแชร์แนวทางการบริหารจัดการความเครียดชนิดเรื้อรังนะครับ ท้ายนี้ฝากคำถามไว้ให้คิดอย่างเคย
ตรวจปัสสาวะเด็ก บอกได้ว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหนใน 24 ชม.ที่ผ่านมา
แล้วถ้าตรวจปัสสาวะคุณล่ะครับ คิดว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เครียดมากแค่ไหน?
……….
(เครดิต : ดร.ธัญ)
รมณีย์
August 18, 2020อ่านแล้วโดนใจมากค่ะ ติดตามผลงาน อจ มาตลอดค่ะ ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 🙂