
เมื่อพูดถึงคำว่า “อภิสิทธิชน” เรามักจะนึกถึงคนดัง นักการเมือง เศรษฐี และผู้ติดตามบุคคลเหล่านั้น ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าตนคงไม่มีโอกาสจะได้เป็น วันนี้ดิฉันจึงอยากถอดบทเรียนจากผู้ใหญ่หลายท่านทั้งภาคธุรกิจ และข้าราชการที่ในวันนี้ถือเป็น อภิสิทธิชน ที่ได้รับการยอมรับ ให้เกียรติ และเกรงใจในวงการทำงานของท่านเหล่านั้นว่า ที่จริงแล้ว คนธรรมดาอย่างดิฉันและท่านผู้อ่านก็สามารถกลายเป็นอภิสิทธิชนได้ แบบยั่งยืนและภาคภูมิใจ
ก่อนอื่น ต้องขอกำหนดนิยามก่อนว่า อภิสิทธิชน ในความหมายของดิฉัน หมายถึง การได้รับการอนุเคราะห์ ความร่วมมือ หรือ สิทธิพิเศษ ในรูปแบบใดก็ได้ ที่ดีกว่า คนอื่นๆ ในระดับอายุ หรือ ระดับตำแหน่งงานเดียวกัน
ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง เช่น การที่เราเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธรรมดา แต่ได้รับรอยยิ้ม การทักทาย การช่วยหาที่จอดรถดีๆ จากพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ไม่ได้รับ อย่างนี้ก็น่าจะถือว่า เราได้เป็นอภิสิทธิชนแล้วเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกัน
สิ่งที่อภิสิทธิชนสายออร์แกนิก ที่ดิฉันรู้จัก มี 3 เรื่องที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน คือ
- เป็นผู้มีอัธยาศัยดี ต่อคนทุกระดับทั้งภายในองค์กรของตน และองค์กรภายนอกที่เกี่ยวเนื่องอย่างจริงใจและต่อเนื่อง จนเมื่อเวลาผ่านไป คนเหล่านั้นเติบโตกลายเป็นคนสำคัญขององค์กรต่าง มิตรภาพที่เคยสะสมมาอย่างยาวนาน ทำให้ตนได้รับการต้อนรับและสามารถขอคำปรึกษา และขอความอนุเคราะห์ได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป
- เป็นพนักงานที่ดีขององค์กร ตั้งใจรับผิดชอบหน้าที่ของตนตามระดับตำแหน่ง ไม่เสียเวลากับการวิจารณ์ผู้อื่น หรือเล่นการเมืองในองค์กร เมื่อผลงานเป็นที่ประจักษ์และมีแต่คนพูดถึงแต่แง่ดี ก็จะมีแต่ผู้อยากร่วมงานด้วย อันจะส่งผลให้มีโอกาสได้แสดงความสามารถและได้รับความไว้วางใจมากขึ้น และเติบโตในองค์กรเร็วขึ้น จะได้มีโอกาสติดตามผู้บริหารไปในโอกาสพิเศษต่างๆ
- เป็นผู้มีจิตอาสา ยินดีทำงานเพื่อสาธารณะ ยิ่งเป็นงานที่ต้องแก้ปัญหาสังคม ภัยพิบัติ หรือ การเป็นวิทยากรให้ความรู้ ก็ยิ่งจะได้รับการต้อนรับ และความช่วยเหลือตอบแทน อย่างไม่ต้องพึ่งตำแหน่งที่เป็นทางการใดๆ
ดิฉันมั่นใจว่า การทำเพียง 3 เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และอย่างจริงใจ ในเบื้องต้น ท่านจะรู้สึกภูมิ และในระยะยาวท่านจะกลายเป็นอภิสิทธิชน อย่างแน่นอน โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากใคร
แต่มีคำเตือนอยู่ว่า หากส่วนผสมของทั้ง 3 เรื่องนั้น ไม่สมดุลกันแล้วหล่ะก็ ความเป็นอภิสิทธิชนของท่านก็อาจจะเป็นเฉพาะในส่วนที่ท่านให้ความสำคัญเช่นกัน หรือในกรณีที่ไม่ทำในบางด้านเลย ท่านอาจพบว่าความเป็นอภิสิทธิชนของท่าน ขาดความยั่งยืน หรือ ขาดความภาคภูมิใจ จริงหรือไม่ลองสังเกตบุคคลรอบตัวท่านดู เมื่อเห็นด้วยกับดิฉันแล้ว ก็ลงมือปลูกและดูแลความเป็นอภิสิทธิชนของท่านดูนะคะ
โดย ดร.วรัญญา อัจฉริยะชาญวณิช
Change Tutor – นักพัฒนาดาวเด่นในองค์กรแบบพุ่งเป้า
Founder & Managing Director, Wintegrate 99 Co., Ltd.
DCP 266/19, Certified Project Management Professional of PMI
ผู้แต่งหนังสือ The Change Tutor – จะเรียกดิฉันว่าหมอดูก็ได้ถ้าคุณยอมเปลี่ยน