เพราะกรดไหลย้อนอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และเชื่อว่าหลายคนก็เคยเป็นกรดไหลย้อนกันมาแล้ว บอกเลยว่าเป็นอาการหนึ่งที่แอบทรมานอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะเมื่อเป็นไปนาน ๆ กลั้นหายใจก็ไม่หาย หายใจลึก ๆ ก็ไม่หาย ซึ่งปล่อยไว้ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ดีแน่ ทำให้เราต้องรู้จัก วิธัแก้กรดไหลย้อนแบบธรรมชาติ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปหาหมอหรือต้องทานยา พร้อมอธิบายสาเหตุที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนให้ได้เข้าใจกันก่อน
กรดไหลย้อน สาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?
กรดไหลย้อน เมื่อเป็นมักจะทำให้เราแสบร้อนกลางอก ซึ่งภาวะอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ปัจจัยที่สามารถพบได้บ่อย จะมีตั้งแต่
- ทานอาหารในปริมาณมากเกินไป ทำให้กระเพาะเกิดการยืดตัว กดกล้ามเนื้อหูรูดจนเป็นสาเหตุให้เกิดกรดไหลย้อน
- ทานอาหารช่วงกลางดึกบ่อย โดยเฉพาะตอนก่อนนอน ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลมาที่หลอดอาหาร
- สูบบุหรี่ อาจทำให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น
- ดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารผ่อนคลายมากเกินไปจนเสี่ยงกรดไหลย้อน
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา อาจเพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะอาหารได้
- การทานอาหารรสเผ็ดจัด หวานจัด อาหารรสเปรี้ยว มะเขือเทศ ช็อคโกแลต เครื่องดื่มที่มีแก๊สหรือน้ำอัดลม
- ภาวะไส้เลื่อนกระบังลม กระเพาะอาหารจะดันเข้าไปในช่องอก ทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอ นำไปสู่ภาวะกรดไหลย้อนได้
- น้ำหนักเกิน เมื่อน้ำหนักบริเวณช่วงท้องมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณช่วงท้อง บีบให้กรดในกระเพาะอาหารพุ่งขึ้นไปบริเวณหลอดอาหาร
- การตั้งท้อง ความผันผวนของฮอร์โมนก็อาจมีส่วนเช่นกัน
- ความเครียด โดยเฉพาะความเครียดแบบเรื้อรัง อาจส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น
8 วิธีแก้กรดไหลย้อนแบบธรรมชาติ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบไม่พึ่งยา
การแก้กรดไหลย้อน ในกรณีที่ไม่รุนแรงหรือไม่ใช่กรณีกรดไหลย้อนเรื้อรัง สามารถดูแลได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องพึ่งยา ซึ่งวิธีแก้กรดไหลย้อนแบบธรรมชาติ จะมีด้วยกันดังนี้
1. เลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน
เพราะอาหารบางชนิดหรือเครื่องดื่มบางอย่างอาจเข้าไปกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้ เช่น
- อาหารที่มีรสเผ็ดจัด : พริก หรือเมนูอาหารที่มีรสเผ็ด
- อาหารที่มีไขมันสูง : ของทอด เนื้อแดง
- ผลไม้รสเปรี้ยว : ส้ม เกรปฟรุต สัปปะรด มะเขือเทศ เป็นต้น
- คาเฟอีน : กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร
ไม่ควรทานอาหารมื้อใหญ่เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารเกิดแรงกดทับ ส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อนได้ รวมถึงการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด และการทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละมื้อ จะช่วยป้องกันภาวะกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี
3. ควบคุมน้ำหนัก
เมื่อน้ำหนักเกินหรือน้ำหนักลงพุง จะเกิดแรงกดดันบริเวณช่องท้อง ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลเข้าไปยังหลอดอาหารได้ง่าย การลดน้ำหนักเพื่อลดโอกาสการเกิดกรดไหลย้อนจะมีส่วนช่วยอย่างมาก
4. เลี่ยงการนอนหลังทานอาหาร
ผู้เขียนเองเคยเป็นคนชอบนอนดึกและมักจะหาของว่างมาทานเล่นก่อนช่วงนอนเป็นประจำ กรดไหลย้อนเลยถามหาบ่อย ๆ ซึ่งอาหารที่เราทานไปก็ต้องใช้เวลาระหว่างกระเพาะอาหารเข้าไปสู่ลำไส้ การนอนเร็วเกินไปหลังทานอาหารอาจเข้าไปรบกวนกระบวนการนี้ ทำให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อน แนะนำให้รอ 2-3 ชั่วโมงก่อน
5. เลี่ยงการสูบบุหรี่
เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้กล้ามเนื้อหลอดอาหารอ่อนแอลง ทำให้มีโอกาสเกิดอาการกรดไหลย้อนได้มากยิ่งขึ้น การเลิกสูบบุหรี่จะเป็นก้าวที่สำคัญในการลดอาการกรดไหลย้อน เป็นวิธีแก้กรดไหลย้อนแบบธรรมชาติที่ดีเลย
6. ปรับหมอนให้สูงขึ้น
หมอนที่เราใช้นอนอยู่อาจต่ำเกินไปก็ได้ ให้ลองเลือกหมอนที่สูงขึ้นมาสักหน่อยก็อาจป้องกันกรดไหลย้อนได้ แต่ก็ไม่ควรสูงคนเกินไปเพราะอาจส่งผลต่ออาการปวดคอได้
7. ดื่มชาขิง
ขิง เป็นสมุนไพรอย่างหนึ่งที่เมื่อนำมาต้มเป็นชาแล้วจะดื่มได้ง่ายขึ้น และเป็นที่รู้รักกันดีในเรื่องของการต้านการอักเสบ ช่วยผ่อนคลายบรรเทาเยื่อบุกระเพาะอาหารและลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยลดอาการกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี
8. ดูแลสุขภาพจิต จัดการความเครียด
ความเครียด อาจส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้นได้และอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ ทำให้การจัดการความเครียดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกายที่ช่วยหลั่งสารโดปามีน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเพื่อนหรือกับครอบครัว การเล่นโยคะ นั่งสมาธิ และอีกหลากหลายวิธีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพจิตที่สำคัญมาก ๆ ของเราด้วยเช่นกัน
วิธีแก้กรดไหลย้อนแบบธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราโดยเฉพาะคนที่เป็นกรดไหลย้อนบ่อยต้องรู้จัก เพราะเราเข้าใจดีว่าเป็นไปนาน ๆ แล้วมันทรมาน การรู้จักวิธีดี ๆ สักวิธีและวิธีแก้ปัญหาแบบระยะยาวจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการจัดการภาวะกรดไหลย้อนที่ตามกวนใจกวนกายในตอนที่เราไม่ต้องการ
อ่านบทความเพิ่มเติม :
กรดไหลย้อนห้ามกินผลไม้อะไร? ผลไม้ 6 อย่างที่ควรเลี่ยง
7 ประโยชน์ของกะหล่ำปลี ต่อร่างกาย กับโรคที่ห้ามกินกะหล่ำปลี
ดื่มน้ำน้อย ผลเสีย มีอะไรบ้าง ทำไมถึงต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
สั่งซื้อ คลิกที่นี่