การถูกโยกย้ายงานเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่คนทำงานทุกคนจะต้องเจอในชีวิตการทำงาน การได้รับงานใหม่ที่ท้าทายขึ้น หรือถูกใจมากขึ้น ยิ่งถ้าได้รับเงินเดือนหรือตำแหน่งสูงขึ้น ก็ถือว่าเป็นข่าวดี ส่วนคนที่ถูกย้ายไปรับผิดชอบงานที่ลำบากขึ้น ไม่ถนัด หรือโอกาสเติบโตน้อยลง ก็มักจะเสียใจและรู้สึกเหมือนตนเองถูกทำโทษ หรือตกกระป๋อง ทำเอาหลายคน น้อยใจ พยายามหาเหตุผล หรือกระทั่งเลือกที่จะลาออกไปด้วยความรู้สึกไม่ดีกับองค์กร
วันนี้ จึงขอหยิบยกประเด็นนี้มาให้คำแนะนำสำหรับผู้อ่านที่เป็นวัยเริ่มต้นทำงาน หรือผู้ที่ยังไม่เคยได้รับการโยกย้าย ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ในยามที่ยังมีสติ เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการแสดงตนว่า “เป็นพนักงานที่บริษัทอยากรักษาไว้ให้นานที่สุด” ที่เคยให้นิยามเอาไว้แล้ว
-
เคารพสิทธิ์นายจ้าง
อย่าลืมว่าในสัญญาจ้างงาน ระบุไว้ว่านายจ้างมีสิทธิ์โยกย้ายพนักงานได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากพนักงาน ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าตอบแทนไม่ได้ถูกลด ระยะทางการเดินทางจากบ้านไม่ได้ไกลกว่าเดิมมากๆ ลักษณะงานไม่ได้ข้ามสายงานจนเกินความเป็นไปได้ที่จะเรียนรู้ปรับตัว ดังนั้น หากปฏิเสธ หรือไม่ปฎิบัติตาม ก็ถือว่าขัดต่อคำสั่งของนายจ้าง ถ้าถึงขั้นส่งผลให้การงานของนายจ้างเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโยกย้าย ก็อาจถือเป็นความผิดทางวินัยที่กระทบต่อประวัติการทำงาน อาจถึงขั้นถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับเงินชดเชยได้
-
ไม่ต้องหาคำตอบว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร
พนักงานบางคนพยายามหาคำตอบให้ได้ว่าใครเป็นผู้เสนอการย้าย เพราะอะไรตนถึงถูกย้าย ทำไมเพื่อนที่ทำงานแย่กว่าไม่ถูกย้าย เจ้านายไม่ปลื้มแล้วหรือเปล่า หรือมีการเมืองเบื้องหลังอย่างไร ในความเป็นจริง ที่มาของการที่องค์กรตัดสินใจโยกย้ายผู้ใด ก็อาจจะมีหลายสาเหตุ และนำเฉพาะเหตุผลที่คาดว่าจะทำให้พนักงานยอมรับได้ที่สุดมาแจ้ง คล้ายๆ กับคนที่อยากลาออก ก็จะบอกเหตุผลที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดเท่านั้น อาจไม่ได้เปิดเผยเหตุผลสำคัญที่สุด
แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร องค์กรตัดสินถูกต้องยุติธรรมหรือไม่ ข้อเท็จจริงยังคงเหมือนเดิม คือ การโยกย้ายนั้นได้ถูกประกาศเป็นทางการแล้ว การพยายามเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจขององค์กร หรือแสดงความไม่พอใจต่อการถูกโยกย้าย มีแต่จะทำให้ตนเองถูกประเมินโดยองค์กรว่า ไม่ใช่คนที่องค์กรอยากรักษาไว้ในฐานะคนที่เข้าใจเป้าหมายขององค์กร
การน้อมรับ โดยไม่แสดงความไม่พอใจ คือสิ่งที่องค์กรคาดหวัง
-
ปรับตัวเรียนรู้งานใหม่ให้เร็วที่สุด
ทางเดียวที่จะรักษากำลังใจในการทำงาน คือ การมองการโยกย้ายงานให้เป็นโอกาสของการเรียนรู้สิ่งใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในตนเอง แล้วเริ่มต้นเปิดใจเรียนรู้งานใหม่ให้เร็วที่สุด การเรียนรู้ไม่เพียงเฉพาะความรู้ใหม่ ทักษะการทำงานใหม่แต่รวมถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ด้วย
ลองมองย้อนพฤติกรรมตนเองที่ผ่านมา ว่ามีสิ่งใดที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการถูกย้ายงาน แล้วลองถือโอกาสฝึกปรับปรุงพฤติกรรมด้านนั้นๆ เสียใหม่ในบริบทใหม่ ซึ่งจะทำได้ง่ายกว่าการทำให้บริบทเดิม
-
ลองตั้งใจทำเต็มที่ ก่อนตัดสินใจจะเริ่มหางานใหม่
เป็นไปได้ว่า งานที่ได้รับมอบหมายใหม่นั้นแตกต่างเกินกว่าจะปรับตัวได้ แต่อย่างไร ไม่ควรตัดสินใจลาออกทันที ควรเปิดใจทดลองทำให้นานอย่างน้อย 3 เดือนเสมือนช่วงทดลองงานใหม่ เพื่อให้เวลาตนเองปรับตัว รักษาประวัติการทำงาน และเพื่อรักษารายได้ในระหว่างมองหางานใหม่
ทำได้ครบ 4 คำแนะนำนี้ แม้อาจจะเคยถูกจัดเป็นอะไหล่ที่ไม่สำคัญขององค์กร ก็อาจจะกลายเป็นอะไหล่อเนกประสงค์ชิ้นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ถูกโยกย้ายงานก็เป็นได้
……….
(โดย ดร.วรัญญา อัจฉริยะชาญวณิช)