เชื่อว่าหลายคนชอบดื่มกาแฟ เพราะกาแฟคือส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา บางคนดื่มเพราะรสชาติ ดื่มเพราะต้องการพลังงานในการทำงาน รวมถึงเพื่อให้ตื่นตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้เขียนก็เป็นคนดื่มกาแฟเป็นประจำ ในบทความนี้ เราจะมาตอบคำถามเกี่ยวกับกาแฟและตับว่า กาแฟทำให้ตับทำงานหนัก จริงไหม? แล้ว้กาแฟมีประโยชน์ต่อตับหรือเปล่า? ควรดื่มกาแฟในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะไม่ส่งผลเสียต่อตับ? เรามีคำตอบ
กาแฟทำให้ตับทำงานหนัก จริงไหม?
เพราะตับของเราจะทำหน้าที่เผาผลาญคาเฟอีนด้วย หลายคนเลยอาจคิดว่าการดื่มกาแฟทำให้ตับทำงานหนัก แต่จริง ๆ แล้ว กาแฟไม่ได้ทำให้ตับทำงานหนัก ซึ่งการเผาผลาญคาเฟอีนก็เป็นกระบวนการปกติของการทำงานตับอยู่แล้ว การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะนั้นไม่ส่งผลเสียต่อตับ แถมยังมีประโยชน์ต่อตับอีกด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากป่วยโรคตับหรือมีความกังวลเกี่ยวกับโรคตับ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจดื่มกาแฟ
กาแฟ มีประโยชน์กับตับหรือเปล่า?
การดื่มกาแฟไม่ได้ส่งผลเสียต่อตับแต่อย่างใด รวมถึงมีประโยชน์ต่อตับ เป็นเครื่องดื่มบำรุงตับ ซึ่งประโยชน์ของกาแฟต่อตับ จะมีด้วยกันดังนี้
1. ดื่มกาแฟ มีส่วนช่วยลดเสี่ยงโรคตับแข็ง
การดื่มกาแฟจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดพังผืดในตับและลดโอกาสการเกิดภาวะตับแข็ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ป่วยโรคตับอักเสบและโรคไขมันพอกตับ
2. ดื่มกาแฟ มีส่วนช่วยลดเสี่ยงไขมันพอกตับ
การดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะ จะมีส่วนช่วยลดโอกาสเสี่ยงการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease : NAFLD) ซึ่งเป็นการพอกตัวของไขมันบริเวณตับ ซึ่งการดื่มกาแฟอาจช่วยลดการก่อตัวของไขมันและอาจมีส่วนช่วยลดการอักเสบของตับได้
3. ดื่มกาแฟ มีส่วนช่วยปรับปรุงระดับเอนไซม์ตับ
กาแฟจะมีส่วนช่วยลดเอนไซม์ตับอย่าง ALT (Alanine aminotransferase) รวมถึง AST (Aspartate aminotransferase) และ GGT (Gamma-glutamyl transferase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่บ่งบอกถึงสุขภาพตับ ยิ่งค่าตับพวกนี้สูง จะยิ่งมีความเสี่ยงภาวะตับ ทำให้ตับอักเสบได้
4. มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยลดการอักเสบ
ในกาแฟจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างกรดคลอโรเจนิค (Chlorogenic acid) และเมลานอยดิน (Melanoidin) ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ส่งผลเสียต่อเซลล์ตับ และมีส่วนช่วยลดการอักเสบของตับ ป้องกันเซลล์ตับจากการถูกทำลาย
5. กระตุ้นการล้างพิษตับ
กาแฟทำให้ตับทำงานหนักนั้นไม่ใช่เรื่องจริง นอกจากจะมีส่วนช่วยควบคุมระดับเอนไซม์ในตับแล้ว ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการล้างพิษในตับด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีส่วนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับดียิ่งขึ้น ช่วยล้างสารพิษต่าง ๆ ในเลือดได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
6. อาจมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งตับ
การดื่มกาแฟ อาจมีส่วนช่วยลดโอกาสเสี่ยงของมะเร็งตับชนิด (Hepatocellular carcinoma : HCC) ซึ่งเป็นประเภทมะเร็งตับที่พบได้บ่อยทีสุด และสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟจะมีส่วนช่วยลดอนุมูลอิสระที่ส่งผลให้เซลล์มะเร็งเติบโต
ควรดื่มกาแฟในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะไม่ส่งผลเสียต่อตับ
การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะจำเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อตับและไม่ทำให้ส่งผลเสียต่อตับ ซึ่งการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ ควรดื่มประมาณ 2-4 ถ้วยต่อวัน หรือ 1-2 แก้วต่อวัน และไม่ควรดื่มหลังจากช่วงบ่ายสองเพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับจากการติดกาแฟด้วยเช่นกัน
กาแฟทำให้ตับทำงานหนัก ไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่ต้องใส่ใจคือเรื่องของการควบคุมปริมาณให้ไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน เพราะการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะจะดีและมีประโยชน์ต่อตับด้วย ช่วยลดความเสี่ยงโรคตับต่าง ๆ และยังช่วยขับสารพิษออกจากตับด้วยเช่นกัน
อ่านบทความเพิ่มเติม :
รวมข้อดี ข้อเสีย กาแฟดำ ดื่มตอนไหน ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
ดื่มกาแฟดำ ลดไขมันในเลือดได้จริงหรือ ?
8 อาหารเสี่ยงโรคไต รวมอาหารที่ควรเลี่ยงเพื่อสุขภาพไตที่ดี
Line Official: @kinnworldwide (มี@)
Shopee: KINN WORLDWIDE
Lazada: KINN WORLDWIDE
Facebook: KINN
Line Shopping: KINN